วันที่ 3 เม.ย. บีบีซีรายงานสถานการณ์การรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซียที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่สองว่า กองทัพรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศหลายระลอกถล่มเมืองโอเดซา เมืองท่าริมชายฝั่งทะเลดำ ทางใต้ของยูเครน เมื่อ 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จนเสียงระเบิดดังสนั่นหลายครั้ง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธทางทะเลและอากาศที่มีความแม่นยำสูงทำลายโรงกลั่นน้ำมัน 1 แห่ง และคลังน้ำมัน 3 แห่ง ในเมืองโอเดซา ที่ยูเครนใช้จัดส่งทหารยูเครนใกล้เมืองมีโคลาอิฟ ที่อยู่ติดกันไปทางตะวันตก ขณะที่ภาพจากจุดเกิดเหตุเผยควันดำและเปลวไฟลอยขึ้นมา ส่วนกองทัพยูเครนระบุว่า ขีปนาวุธของรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้รับความเสียหาย แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทางการยูเครนอ้างว่า กองทัพยูเครนยึดคืนพื้นที่ทั้งหมด รอบกรุงเคียฟ หลังกองทัพรัสเซียถอนกำลังออกไปจากเมืองสำคัญรอบเมืองหลวง ได้แก่ เมืองอีร์ปิน เมืองบูชา และเมืองฮอสโตเมล จากการต่อสู้อย่างดุเดือดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ ที่ผ่านมา ขณะที่หลักฐานการสังหารพลเรือนปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เอเอฟพีรายงานการพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย บนถนนสายเดียวในเมืองบูชา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ พร้อมแพร่ภาพของร่างผู้เสียชีวิตที่บนถนนที่ถ่ายเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองบูชาระบุว่า ผู้เสียชีวิต 280 ราย ถูกฝังในสุสานหมู่ของเมือง และเมืองนี้เกลื่อนไปด้วยร่างผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ช่องเทเลแกรมของกลาโหมรัสเซียแชร์รายงานที่ระบุว่า กองทัพรัสเซียออกจากเมืองบูชาเมื่อวันที่ 30 มี.ค. และภาพช่วง 4 วันหลังจากนั้นไปอยู่ที่ไหน พร้อมอ้างว่าวิดีโอ อันหนึ่งที่บันทึกจากเมืองบูชาเป็นมีจุดสังเกตเป็นของปลอมจากศพที่ขยับได้ ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซียยังไม่ได้แถลงอย่างเป็นทางการต่อการเสียชีวิตของพลเรือนในเมืองบูชา
ขณะที่ในเมืองอีร์ปิน ทางการระบุว่าพลเรือนถูกสังหารสะสมอย่างน้อย 200 ราย ตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนในเมืองฮอสโตเมล ใกล้กรุงเคียฟ เหลือแต่ซากเครื่องบินอันโตนอฟ อัน-225 มรียา เครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในโรงเก็บเครื่องบิน
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวว่า รัสเซียต้องการยึดทั้งดอนบาสและทางใต้ของยูเครน ส่วนเป้าหมายของยูเครนคือปกป้องตนเอง เสรีภาพ แผ่นดิน และประชาชน พร้อมยกย่องกองทัพยูเครนที่ปกป้องเมืองมารีอูโปล เมืองท่าที่ถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อม ส่วนความคืบหน้าระเบียงมนุษยธรรมในเมืองมารีอูโปล ผู้อยู่อาศัยหลายร้อยคนโดยสารรถยนต์ส่วนตัวอพยพออกไปได้และมาถึงศูนย์ต้อนรับผู้อพยพที่อยู่ห่างไปทางเหนือหลายร้อยกิโลเมตร
วันเดียวกัน กระทรวงพลังงานลิทัวเนียประกาศยุติความสัมพันธ์พลังงานกับรัสเซีย เป็นประเทศแรกในยุโรป และจะเปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากประเทศอื่น
“หากเราสามารถทำได้ ประเทศที่เหลือของยุโรปสามารถทำได้เช่นกัน” นายกีตานัส เนาเซดา ประธานาธิบดีลิทัวเนียโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์