ไอโฟน เอสอี (iPhone SE) จากค่ายแอปเปิ้ล ยังคงยึดแนวทางการเป็นไอโฟนราคาประหยัด ที่มีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพเทียบเท่าสมาร์ตโฟนระดับแถวหน้า แม้เอสอีที่แอปเปิ้ลเคยระบุว่ามาจาก สเปเชี่ยล เอดิชั่น จะเริ่มไม่รู้สึกสเปเชี่ยลเท่าใดแล้วก็ตามที

ไอโฟน เอสอี (2022) ต่อยอดความพิเศษจากรุ่นปี 2020 ภายในเป็นฮาร์ดแวร์ระดับเดียวกับไอโฟน 13 และ 13 มินิ ทว่า ยังยึดรูปโฉมภายนอกตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่ากล้องระบบเลนส์เดียว ทั้งด้านหน้าและหลัง ปุ่มโฮมใหญ่ยักษ์ที่ด้านล่างจอภาพความละเอียดไม่สูงนัก รวมถึงขอบหนารอบจอภาพที่ว่าไว้ แม้จะแลดูไม่หวือหวา แต่ก็สมเหตุสมผลด้านการลงทุนของแอปเปิ้ล

เพราะไอโฟน เอสอี ทางแอปเปิ้ลหมายมั่นให้เป็นช่องทางสำหรับลูกค้าใหม่ หรือสาวกที่ต้องการลิ้มรสประสบการณ์การใช้งานภายใต้ประสิทธิภาพของชิพ A15 ไบโอนิก ชิพทรงพลังที่สุดในวงการ สมาร์ตโฟนชั่วโมงนี้ และระบบปฏิบัติการไอโอเอส 15.4 รุ่นล่าสุด

หนึ่งในไม่กี่สิ่งที่เพิ่มมาในไอโฟนรุ่นนี้เป็นสีแดง ขณะที่ราคาทำให้มีคู่แข่งโดยตรงเป็นกาแล็กซี เอ53 จากค่ายซัมซุง (ซึ่งผู้ทดสอบเคยนำมารีวิวเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า) และพิกเซล 5เอ จากค่ายกูเกิ้ล

แต่แน่นอนว่าไอโฟน เอสอี (2022) มีข้อได้เปรียบเรื่องประสิทธิภาพชิพที่สูงกว่า และไอโอเอสที่อีกสองรุ่นเทียบไม่ได้ ทว่า หากเป็น เรื่องฟีเจอร์อื่นๆ อาทิ งานออกแบบภายนอก หน้าจอสวยสด และกล้องถ่ายภาพ คู่แข่งทั้งสองน่าจะกินขาด แต่ต้องยอมเปลี่ยนไปใช้โอเอส แอนดรอยด์ด้วย

ด้วยเหตุที่ไอโฟน เอสอี (2020) นำรูปโฉมไอโฟน 8 มาใช้ และรุ่นปี 2022 ก็ไม่มีการปรับเปลี่ยนการออกแบบภายนอกใดๆ ทำให้แลดูไม่หวือหวาและขาดความทันสมัย โดยเฉพาะขอบบนและล่างที่หนาเป็นนิ้วๆ กับปุ่มโฮมใหญ่ยักษ์พร้อมระบบทัชไอดี แต่ต้องชื่นชมเรื่องการสั่นสะเทือนที่แอปเปิ้ลปรับปรุงมาดี

อีกเรื่องต้องกล่าวถึง คือขนาดและน้ำหนัก หากเป็นผู้กำลังมองหาสมาร์ตโฟนขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา รุ่นนี้นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่ามองที่สุด ด้วยขนาดกว้าง 67.3 ยาว 138.4 หนา 7.8 มิลลิเมตร น้ำหนักรวมแบตเตอรี่ 144 กรัม วัสดุทำจากกระจกทั้งหน้าและหลังประกบโครงอะลูมิเนียม ผ่านมาตรฐานกันฝุ่นเข้าและกันน้ำเข้าที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ไม่เกิน 30 นาที หรือไอพี 67 ถือว่าเล็กเบาและเพียบพร้อม อย่างไรก็ดี วัสดุพรีเมียมและมาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำในสมาร์ตโฟนราคาช่วงนี้ปัจจุบันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

หน้าจอไอโฟน เอสอี (2022) เป็นจอภาพ Retina IPS LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียดสูงสุด 750×1334 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 326 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (PPI) ความสว่างสูงสุด 625 นิต อัตราส่วนภาพ 16:9 ถือว่ามีขนาดจอภาพใหญ่กว่าไอโฟน 13 มินิเล็กน้อย (ประมาณ 0.7 นิ้ว) โดยขอบที่หนา (มาก) ทั้งบนและล่างของจอทำให้แลดูใหญ่และยาวกว่า แน่นอนว่าบรรดาสาวกไอโฟนที่ไม่ปลื้ม “ติ่ง” กล้องเซลฟี่ อาจจะชอบความเบสิกตรงจุดนี้ แต่ความเห็นทีมข่าวสดไอที มองว่า ขอบหนาๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าใดนัก

ความหนาแน่นพิกเซลและเรโซลูชั่นที่ไม่สูง ยังทำให้ภาพคมชัดน้อยลง สีเปล่งปลั่งน้อยลง เห็นได้ชัดโดยเฉพาะกับตัวอักษร หากผู้คุ้นชินกับสมาร์ตโฟนหรือจอภาพความละเอียดสูง ลองมองจอของไอโฟนรุ่นนี้จะรู้สึกตกใจ ยิ่งถ้าทราบว่าเป็นสมาร์ตโฟนเพิ่งวางจำหน่ายในปี 2022

ความถี่หน้าจอยังรองรับสูงสุดเพียง 60 เฮิร์ตซ์ (Hz) ขณะที่จอภาพสมาร์ตโฟนของโมโตโรล่ารุ่นล่าสุดรองรับถึง 144 Hz ทำให้ประสบการณ์ที่ได้รับจากจอภาพของไอโฟนรุ่นนี้ ไม่ดีเท่าที่ควร

แอปเปิ้ลยังคงขนาดแบตเตอรี่ไว้เท่าเดิม ประมาณ 2,000 มิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง (mAh) แต่ระยะเวลาใช้งาน น่าประทับใจเกินคาด เพราะใช้งานได้ตลอดทั้งวัน เนื่องมาจากการออพติไมซ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงของแอปเปิ้ล (รวมถึงจอภาพความละเอียดไม่สูง)

ไรอัน เฮนส์ ผู้ทดสอบจากเว็บไซต์แอนดรอยด์อูธอริตี พบว่า ไอโฟน เอสอี (2022) มีอุณหภูมิค่อนข้างสูงเมื่อใช้งานหนักหน่วง ขณะที่การชาร์จรองรับชาร์จเจอร์ขนาดสูงสุด 18 วัตต์ (W) ซึ่งผู้ใช้ต้องไปเลือกหาซื้อเอง จึงแนะนำว่าควรเลือกขนาดชาร์จเจอร์ให้พอดีกับเครื่องจะปลอดภัยที่สุด

ไอโฟน เอสอี (2022) รองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi สูงสุด 7.5W แต่ด้วยเป็นรุ่นประหยัด จึงไม่รองรับเทคโนโลยีการชาร์จไร้สายของแอปเปิ้ลอย่าง MagSafe (ชาร์จ 15W) จุดนี้ถือเป็นฟีเจอร์โบนัส

ไฮไลต์สำคัญของไอโฟนรุ่นนี้อยู่ที่ขุมพลังชิพเรือธง A15 ไบโอนิก โดยการทดสอบผ่านแอพพลิเคชั่น Geekbench 5 ได้คะแนนประมวลผลคอร์เดี่ยว 1,744 และหลายคอร์ 4,768 แต้ม ขณะที่คะแนนด้านกราฟิกผ่านแอพฯ 3DMark : Wild Life ได้ถึง 8,706 แต้ม เรียกว่ารับมือกับทุกการใช้งานได้ไม่มีที่ติ

รวมถึงการเล่นเกมระดับ AAA อย่าง Genshin Impact และ Call of Duty : Mobile ถือเป็นจุดที่คู่แข่งช่วงราคานี้เทียบไม่ติด เพราะประสิทธิภาพหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียู อยู่ในระดับเดียวกับไอโฟน 13 (ราคาช่วง 3 หมื่นบาท) แต่ประสิทธิภาพด้านกราฟิกต่ำกว่า ส่วนหน่วยความจำแรม (RAM) มีเพียง 4 กิกะไบต์ (GB)

ด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อนอกไปจากเทคโนโลยีการสื่อสารยุคที่ห้า (5G) ยังรองรับคลื่นบลูทูธ 5.0 และ Wi-Fi 6 แทนที่จะเป็นบลูทูธ 5.2 และ Wi-Fi 6e แต่เนื่องด้วยเป็นมือถือรุ่นประหยัด ก็เข้าใจได้ และยังถือว่ารองรับ Wi-Fi ทันสมัยกว่า กาแล็กซี เอ53 5จี ซึ่งอยู่ช่วงราคาเดียวกัน

กล้องด้านหลังเป็นแบบเลนส์เดียว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (MP) สเป๊กเดียวกับไอโฟน เอสอี (2020) ให้คุณภาพพอต่อการถ่ายภาพพื้นฐานทั่วไป ขณะที่การถ่ายคลิปรองรับสูงสุด 4K อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที มีความคมชัดและระบบต้านภาพสะเทือน (OIS) ทำงานได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย พร้อมลูกเล่นใหม่ Cinematic Mode ที่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนโฟกัสขณะถ่ายคลิปได้แบบเรียลไทม์ นับว่าการถ่ายคลิปยังเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สุดของแอปเปิ้ล

การทดสอบพบว่า ภาพที่ได้มีรายละเอียดดีหากแสงเพียงพอ แสงและสีที่ได้มีความสมจริง ให้ภาพโบเก้ที่เป็นธรรมชาติ เสียดายที่ไม่มีเลนส์อัลตราไวด์เพิ่มมาให้ ถือเป็นจุดตามหลังคู่แข่งในช่วงราคานี้

ทีมข่าวสดไอที มองว่า ไอโฟน เอสอี (2022) แม้แลดูรูปโฉมไม่ทันสมัย และมีฟีเจอร์หลายอย่างตามหลังคู่แข่ง แต่ก็เป็นไอโฟนรุ่นคุ้มค่าที่สุดสำหรับลูกค้าใหม่ และสาวกที่ต้องการลิ้มลองประสบการณ์การใช้งานจากประสิทธิภาพชิพ A15 ไบโอนิก ชิพที่แรงที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนชั่วโมงนี้

ไอโฟน เอสอี (2022) มีวางจำหน่ายแล้วในไทย พื้นที่เก็บข้อมูลมี 3 แบบ ได้แก่ 64 128 และ 256 กิกะไบต์ (GB) มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำมิดไนต์ สีขาวสตาร์ไลต์ และสีแดง ซึ่งรายได้ที่แอปเปิ้ลได้จากการจำหน่ายสีแดง จะนำไปสมทบทุนให้กองทุนโลกโดยตรงเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19

โดยสิ่งที่แอปเปิ้ลให้มานั้น มีเพียงเครื่อง ไอโฟนและสายเคเบิล USB-C to Lightning รองรับการชาร์จเร็วและใช้งานได้กับอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C รวมถึงพอร์ตคอมพิวเตอร์ต่างๆ แต่จะไม่มีอะแดปเตอร์แปลงไฟหรือ EarPods แถมมาให้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งในความพยายาม ที่แอปเปิ้ลอ้างว่าเพื่อลดผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท

ทีมข่าวสดไอที
ภาพ-แอปเปิ้ล/แอนดรอยด์อูธอริตี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน