ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งทัพนักกีฬาไทยกวาดไปทั้งหมด 92 เหรียญทอง, 102 เหรียญเงิน และ 138 เหรียญทองแดง
ซึ่งแม้ว่าทีมชาติไทยจะจบอันดับสองในตารางเหรียญ เป็นรองเจ้าเหรียญทองอย่างเจ้าภาพเวียดนาม แต่ซีเกมส์ครั้งนี้ยังมีอีกหลากหลายเรื่องราวที่เป็นที่สุดในหลายด้านที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับทัพนักกีฬาไทย แต่จะมีเรื่องไหนบ้างมาติดตามกัน
แจ้งเกิดที่สุด : “บิว” ภูริพล บุญสอน ลมกรดหนุ่มดาวรุ่งวัย 16 ปี และ จอชชัว โรเบิร์ต แอทคินสัน นักวิ่งลูกครึ่งที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับวงการกรีฑาไทย โดยภูริพลกวาดไป 3 เหรียญทอง พร้อมทำลายสถิติซีเกมส์ถึง 2 รายการ ทั้งวิ่ง 200 เมตร และ 4 x 100 เมตร จนสหพันธ์กรีฑาโลกต้องออกมายกย่องว่าด้วยรุ่นอายุนี้มีเพียงแค่ยูเซน โบลต์ และ เอร์ริยอน เจ ไนต์ตัน ที่เร็วกว่าเขาในระยะ 200 เมตร ขณะที่จอชชัวประเดิมซีเกมส์ครั้งแรกถึง 4 เหรียญทอง วิ่ง 400 เมตรชาย, วิ่ง 800 เมตรชาย, ผลัดผสม 4 x 400 เมตร และผลัด 4 x 400 เมตร ซึ่งผลงานในมหกรรมกีฬาครั้งแรกของทั้งสองคนเรียกได้ว่าทำให้ทัพกรีฑาไทยโดดเด่นสุดๆ
ป๊อปปูลาร์ที่สุด : อีกหนึ่งสีสันประจำการแข่งขันที่เวียดนามครั้งนี้คงต้องยกให้กับ “ฉลามเอส” ศุภ สง่าวรวงศ์ นักว่ายน้ำทีมชาติไทย ที่แม้ว่าผลงานครั้งนี้เขาจะได้แค่ 1 เหรียญทองแดง แต่กลับเป็นนักกีฬาที่ได้เสียงกรี๊ดจากแฟนๆ เจ้าถิ่นมากที่สุด โดยแฟนๆ ชาวเวียดนามพากันยกพลมาหลายร้อยคน เพื่อส่งแรงเชียร์และร่วมอวยพรวันเกิดให้กับ เจ้าตัวถึงขอบสนาม โดยสาเหตุที่ฉลามเอสเป็นที่รู้จักของแฟนๆ ชาวเวียดนามเป็นเพราะว่าเขายังมีอีกหนึ่งบทบาทคือ การเป็นนักแสดงจากซีรีส์วายเรื่อง บังเอิญรัก 2 ที่ฉายในเวียดนามด้วย
ร้อนแรงที่สุด : ซีเกมส์เวียดนามครั้งนี้ผลงานของทัพนักกีฬาเทนนิสไทยเรียกได้ว่าร้อนแรงสุดๆ หลังกวาดเหรียญ 4 เหรียญทอง (ทีมชาย, ทีมหญิง, หญิงเดี่ย และหญิงคู่) 3 เหรียญเงิน (หญิงเดี่ยว, หญิงคู่ และคู่ผสม) และ 2 เหรียญทองแดง (ชายเดี่ยวและคู่ผสม) ซึ่งจากผลงาน ดังกล่าวทำให้ทัพนักหวดลูกสักหลาดไทย กลับมาครองเจ้าคอร์ตอีกครั้ง หลังพลาดไปในซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ และเป็นเจ้าคอร์ตสมัยที่ 8 ของพวกเขา
ขณะเดียวกันทัพบาสเกตบอล 3 x 3 ไทย ก็คือว่าระเบิดฟอร์มร้อนแรงที่สุดเช่นกัน เพราะสร้างประวัติศาสตร์สำคัญด้วยการเอาชนะแชมป์เก่าเจ้าประจำอย่างฟิลิปปินส์ในรอบรองชนะเลิศ และเชือด เจ้าภาพเวียดนามได้ทั้งประเภททีมชายและทีมหญิง พร้อมกับปลดล็อกเหรียญทอง บาส 3 x 3 ซีเกมส์ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเภท และเรียกได้ว่าเป็นสองเหรียญที่ทัพนักกีฬาน่าจะสะใจกันแบบสุดๆ
ดราม่าที่สุด : ปันจักสีลัต ถือเป็นกีฬาที่คว้าเหรียญทองแรกให้กับทีมชาติไทย ในซีเกมส์เวียดนาม แต่สุดท้ายกลับมีดราม่าที่เข้ามากลบทุกกระแสเมื่อ “บึก” สุชาล ฉวีวรรณ กราฟิกดีไซเนอร์ วัย 37 ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการออกแบบไทยมาอย่างยาวนาน ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง ชี้แจงหลังได้รับข้อความและเห็นแบบอักษรชื่อประเทศไทยคำว่า “ไทยแลนด์” ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของตนเองที่จดเป็นลิขสิทธิ์ ไปปรากฏอยู่ในชุดแข่งขันของนักกีฬาปันจักสีลัตทีมชาติไทย ชุดทำศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่สุดท้ายทางสมาคมก็ได้แถลงขอโทษและเจรจากับเจ้าของผลงาน และได้ ข้อสรุปว่าสามารถใช้ฟอนต์ดังกล่าวได้จนจบการแข่งขัน
โล่งที่สุด : ทัพอีสปอร์ต เกม RoV ถือเป็นอีกหนึ่งเหรียญทองที่เรียกได้ว่าทำให้ สันติ โหลทอง นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตโล่งใจที่สุด เพราะเกมนี้มีดราม่าเรื่องกฎเกณฑ์การคัดเลือกผู้เล่นตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์ แต่สุดท้ายไลน์อัพที่ทางสมาคมเลือกมาก็แสดงผลงานได้เฉียบขาด ไล่อัดเจ้าภาพเวียดนามในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมคว้าแชมป์สองสมัยติด
ชิลที่สุด : “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ดีกรีแชมป์ซีเกมส์ 2 สมัยเมื่อปี 2017ที่มาเลเซีย และปี 2019 ที่ฟิลิปปินส์โชว์ฟอร์มสมราคาเบอร์ 1 ของโลก หลังเอาชนะคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศอย่าง ดายซี อู จูลุส จากเมียนมาไปแบบไร้ปัญหาด้วยสกอร์ 29-0 มองดูแล้วซีเกมส์ครั้งนี้น่าจะเป็นการแข่งขันที่สบายที่สุดสำหรับยอดนักเทควันโดสาวรายนี้
เซ็งที่สุด : หากจะพูดถึงผลการแข่งขันที่ทำให้แฟนๆ กีฬาในบ้านเราต้องเซ็งที่สุดคงจะหนีไม่พ้นผลการแข่งขันกีฬายอดฮิตอย่างฟุตบอล ที่แม้ว่าจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้ทั้งประเภทฟุตบอลชายและฟุตบอลหญิง แต่สุดท้ายก็พ่ายให้เจ้าภาพเวียดนามไปด้วยสกอร์ 0-1 ทั้งสองประเภทแบบสุดเซ็ง และกลายเป็นแฟนบอลเจ้าถิ่นที่ได้ออกมาแห่ฉลองกัน ทั่วกรุงฮานอยแทน
ทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวเกี่ยวกับทัพนักกีฬาไทยที่เกิดขึ้นในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ แต่ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นแบบไหน แต่ก็เชื่อได้เลยว่านักกีฬา ทุกคนล้วนตั้งใจทำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุดกันทุกคน
