ตํารวจระดมจับแทบจะรายวัน แต่ไม่หมดไปเสียที กับบรรดาขบวนการฉกฉวยประโยชน์ซ้ำเติมผู้เดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจที่ไม่รู้จะตกต่ำไปถึงเมื่อไหร่
นอกจากออกเงินกู้ดอกโหดให้ประชาชนคนทั่วไปแล้ว ล่าสุดแก๊งอุบาทว์ยังมาในรูปแบบใหม่ออกแพ็กเกจใหม่ล่อลวงบรรดาเอสเอ็มอีที่ธุรกิจขาดสภาพคล่องให้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวไปตามๆ กัน
ช่วงสายวันที่ 16 มิ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อม พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. ตั้งโต๊ะที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ชั้น 6 อาคาร กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
แถลงผลระดมกวาดล้างเครือข่ายเงินกู้นอกระบบออนไลน์ “moneyday credit” พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 450 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. แถลงผลพิชิตเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์
ต้นสายปลายเหตุในปฏิบัติการครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2564
ผู้เสียหายทั้งหมดต่างตกที่นั่งเดียวกัน หลังจากกู้ยืมเงินจากเว็บไซต์ www.moneydaycredit.com และมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด สุดท้ายก็ไม่มีเงินชำระหนี้
เพราะเว็บไซต์เงินกู้ดังกล่าวคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือร้อยละ 45 ต่อเดือน หรือมากถึงร้อยละ 547.5 ต่อปี
เมื่อไร้ทางที่จะหาเงินมาจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ย ก็โดนเว็บไซต์ ดังกล่าวส่งกลุ่มชายฉกรรจ์มาข่มขู่คุกคามให้ชำระหนี้
หลังรับแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนรีบส่งสำนวนให้ ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เพื่อเร่งขจัดทุกข์บำรุงสุขให้เหล่า สุจริตชนทันที
ผู้กำกับภาดลนำทีมลุยแกะรอยหาข้อมูลหลักฐาน จนพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปกู้เงิน
โดยเน้นเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMES) ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกกฎหมายได้
ขอนแก่น
ขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อสะดวกโยธินเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน ไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน
กรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ทางเว็บไซต์เงินกู้จะไปสำรวจกิจการประกอบการพิจารณา
เมื่ออนุมัติสินเชื่อแล้วเว็บไซต์จะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงกิ้งไปยังบัญชีธนาคารของลูกหนี้ โดยจะหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกไว้ก่อน
หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้จะใช้วิธีการข่มขู่ให้ชำระหนี้ โดยพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเวินหมุนเวียนถึง 450 ล้านบาท
เมื่อได้หลักฐานทุกอย่างอยู่ในมือ เจ้าหน้าที่รีบส่งสำนวนให้ศาลอาญาพิจารณา ก่อนอนุมัติออกหมายจับเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทันทีที่ได้หมายจับมาครบถ้วนสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังกระจายปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก และสำนักงานของเครือข่ายดังกล่าว ในพื้นที่ จ.จันทบุรี, ปทุมธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา และกรุงเทพฯ รวม 5 จังหวัด
จันทบุรี
รวบผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายอนิวัฒน์ บัวใหญ่ อายุ 26 ปี 2.นายอลงกรณ์ แสงสุธา อายุ 26 ปี 3.นายธนพล ศรีภา อายุ 19 ปี 4.นายนัฐวุฐ ภูมี อายุ 24 ปี 5.นายพงศกร จุณศรี อายุ 26 ปี 6.นายจิรพันธ์ พงษ์สุกรี อายุ 26 ปี 7.นายอดิเทพ ลันละนา อายุ 31 ปี และ 8.นายสมโชค อาจหาญ อายุ 25 ปี
นอกจากนี้ยังขยายผลตามจับเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการในพื้นที่ภาคกลางและอีสานอีก 21 ราย
พร้อมของกลาง มือถือ 54 เครื่อง, โน้ตบุ๊ก 25 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, แท็บเล็ต 4 เครื่อง และซิมโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก รวมจำนวนของกลางกว่า 300 รายการ
ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด”
นครราชสีมา
ท่านผู้บัญชาการจิรภพและท่านผู้การพุฒิเดชคาดว่ามีผู้เสียหายอีกหลายร้อยราย อีกทั้งบางรายมีความเครียดถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย ลุยขยายผลไล่บี้เครือข่ายนี้ให้ถึงที่สุด ลากนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังมาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง รวมถึงขอปิดเว็บไซต์ตัดช่องทางหากินของมิจฉาชีพ
เพราะคิดดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมาย และยังเป็นการประกอบการเอารัดเอาเปรียบประชาชนในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
ยืนหยัดหน้าที่และจิตวิญญาณ แห่ง ‘ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์’
ธานี ทวีเกิด
เรื่อง/ภาพ
