สดจากสนามข่าว - ย้อนนาทีตร.ซ้อนแผน รวบแก๊งโจรเขาบรรทัด จม.ขู่เรียกค่าคุ้มครอง

จดหมายเรียกค่าคุ้มครอง พฤติกรรมการหากินของกลุ่มคนนอกกฎหมายที่ไม่พบเจอมานานนับสิบปี หลังหมดยุคของบรรดาขุนโจรหรือเสือต่างๆ ไปแล้ว พลันที่มีจดหมายข่มขู่เรียกค่าคุ้มครอง อ้างชื่อเป็นกลุ่มโจรเขาบรรทัด สิ่งที่ได้จึงไม่ใช่เงินทองตามที่มันหวัง

ย้อนไปเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ต.สวรรยา เอียดตรง สว.กก.6 บก.ป. นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.ตรัง ชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง สืบสวนคลี่คลายคดีโจรเรียกค่าคุ้มครอง ภายหลังนายชำนาญ ลีลาโกสิทธิ์ หรือ โกสร้าง อายุ 50 ปี ผู้จัดการท่าทรายบัวบก ร้านขนมเค้กบัวและอีกหลายธุรกิจ เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองตรัง ว่าเมื่อกลางคืนของวันที่ 14 มิ.ย.ถึงช่วงหัวรุ่งของวันที่ 15 มิ.ย. มีคนร้ายนำซองกระดาษสีน้ำตาล ขนาดเท่ากระดาษ A4 ภายในบรรจุรูปถ่ายของนายชำนาญและจดหมายเรียกค่าคุ้มครอง พร้อมทั้งกระสุนปืนไปเหน็บไว้ที่ประตูบ้านเลขที่ 85/8 หมู่ 10 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง

ค้นรถของกลาง

เนื้อความในจดหมายระบุใจความสำคัญว่า ถึงนายชำนาญและภรรยา เป็นจดหมายจากกลุ่มผู้เรียกค่าคุ้มครอง (เทือกเขาบรรทัด) ให้นำเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท มามอบให้ตามสถานที่จะแจ้งไปอีกครั้ง ห้ามบอกใคร หากตุกติกลูกเมียและครอบครัวจะมีความสูญเสียและความตายเกิดขึ้น และธุรกิจจะเสียหาย พร้อมกับแนบรูปภาพแอบถ่ายคนในครอบครัวขณะออกไปทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เห็นว่ามีการสะกดรอยจริง หากไม่ทำตามก็จะเกิดอันตรายต่อคนในครอบครัวแน่นอน

ต่อมาทางกลุ่มคนร้ายโทรศัพท์เข้ามาหา นางกิ้มยี่ ลีลาโกสิทธิ์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายชำนาญ โดยนัดรับเงินกันที่ริมถนนเขาจำปา ถนนเลี่ยงเมืองวงแหวนรอบนอก บริเวณทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำเจ้าเกตุ พื้นที่หมู่ 6 ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง

หลังได้ข้อมูลพิกัดจุดส่งมอบเงิน ชุดสืบสวนวางแผนซ้อนแผนเพื่อจับกุมตัวคนร้ายทันที เบื้องต้นตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่ง แฝงตัวเข้าปิดล้อมพื้นที่และทุกเส้นทาง ก่อนจะนำเงินปลอมที่เตรียมไว้ให้ลูกชายของโกสร้างขับรถเข้าไปมอบเงินให้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจซ่อนตัวอยู่ในรถของลูกชายด้วย ต่อมาคนร้ายโทร.เข้ามาบอกจุดที่ให้นำเงินไปตั้งทิ้งเอาไว้

จนมุมพร้อมเงิน

ผ่านไปไม่นานตำรวจที่ซุ่มดูอยู่พบคนร้ายขี่รถจยย.ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน 4208 ตรัง มาจอดตรงจุดที่ทิ้งเงิน จากนั้นมีรถเก๋งยี่ห้อ นิสสัน สีน้ำเงิน ทะเบียน ศช 186 กทม. ขับมาจอดอีกคัน ก่อนที่คนขี่จยย.จะลงมาหยิบเงินไปส่งให้คนในรถ เจ้าหน้าที่จึงบุกเข้าจับกุมตัวคนในรถเอาไว้ได้ ส่วนคนขี่รถจยย.อาศัยจังหวะหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด

จากการสอบสวนทราบว่าคนร้ายชื่อนายวีรวัฒน์ คงสุทรู้ อายุ 39 ปี ชาว ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ขณะที่นายวีรวัฒน์สารภาพว่าคนร้ายที่หนีไปชื่อนายสันตินนท์ ศรีจันทร์ หรือ นนท์ อายุ 29 ปี ชาว ต.โคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา และยังมีนายจำลอง นกศรีแก้ว อายุ 61 ปี ชาว ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง อีกหนึ่งคน

นายวีรวัฒน์ให้การถึงสาเหตุว่า เนื่องจากตนเองมีหนี้สินอยู่กว่า 8 แสนบาท จึงวางแผนกับ นายจำลอง นกศรีแก้ว หรือ นายบ่าว อายุ 61 ปี ที่เคยทำงานกับโกสร้างแต่ถูกไล่ออก โดยนัดวางแผนกันเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้ให้ภรรยาน้อยคือ น.ส.ชุติมา เขียนจดหมายเรียกค่าคุ้มครองดังกล่าว ก่อนส่งไปยังบ้านเหยื่อ โดยอ้างเป็นกลุ่มผู้เรียกค่าคุ้มครองเทือกเขาบรรทัด

โฉมหน้า 2 คนร้าย

เมื่อรายละเอียดทั้งหมดคลี่คลาย ตำรวจก็ตามไปจับนายสันตินนท์ได้ภายในบ้านพักใน ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.พร้อมเครื่องกระสุน จากนั้นนำตัวทั้งหมดไปชี้จุดเกิดเหตุ และสถานที่ต่างๆ ที่ใช้วางแผนในการก่อเหตุกว่า 3-4 จุด รวมทั้งร้านถ่ายเอกสารที่เข้าไปใช้บริการ และได้เข้าไปตรวจสอบภายในร้านคาราโอเกะของภรรยาน้อยของนายวีรวัฒน์ ก่อนจะพบอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ พร้อมเครื่องกระสุน 1 กระบอก วิทยุสื่อสาร โดยนายวีรวัฒน์ได้ขอร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอกอดภรรยาน้อยก่อนที่จะถูกดำเนินคดี ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของทั้งสอง

ตำรวจแจ้งข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์” ก่อนนำตัวส่ง สภ.เมืองตรัง ดำเนินคดี และขยายผลตามจับกุมนายบ่าว ผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีให้ครบแก๊ง ขณะที่น.ส.ชุติมา ตำรวจกันไว้เป็นพยาน

เมื่อตำรวจสามารถเป็นที่พึ่งให้สุจริตชน การใช้ความกลัวของผู้คนมาหากินก็หลงยุคไปแล้ว

ทรงวุฒิ นาคพล เรื่อง/ภาพ