ไร่รื่นรมย์‘เชียงราย’ยืนหนึ่งพืชผักผลไม้อินทรีย์

หลากหลาย

ในบรรดาผู้รักสุขภาพย่อมทราบดีว่า ‘จิงจูฉ่าย’ และ ‘ผักเคล’ เป็นพืชผักที่มีคุณประโยชน์สูง ด้วยเหตุนี้เองสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) จึงได้สนับสนุนทุนเพื่อให้เหล่านักวิจัยจากสถาบันการศึกษาต่างๆ เข้ามาช่วยคิดค้นวิธีแปรรูปให้ผู้คนได้รับประทานกันง่ายๆ ในหลากหลายเมนู อย่างเช่นงานวิจัย ‘จิงจูฉ่าย สุดยอดผักสมุนไพรเพื่อสุขภาพ’ ของ จ.เชียงรายเพื่อผู้สูงอายุ ที่มี ผศ.ดร. ทานตะวัน พิรักษ์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) เป็นหัวหน้าโครงการ พร้อมจับมือกับภาคธุรกิจเอกชน คุณศิริวิมล กิตะพาณิชย์ หรือ คุณเปิ้ล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซฟ ไลฟ์ โปรดักส์ จำกัด (ไร่รื่นรมย์) ในการพัฒนาผักจิงจูฉ่ายต่อยอดทางธุรกิจในเชิงพาณิชย์ ตั้งอยู่ที่ ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย

ผศ.ดร.ทานตะวันให้ข้อมูลว่า โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชันจากจิงจูฉ่าย สำหรับผู้สูงอายุ ได้คัดเลือกส่วนผสมสำคัญคือ จิงจูฉ่าย (Artemisia Lactiflora) ซึ่งเป็น ผักพื้นบ้านที่รับประทานกันมาอย่างยาวนาน มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีวิตามินซีสูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ได้ดีและ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีทั้งเครื่องดื่ม จิงจูฉ่ายผสมน้ำผักและผลไม้ และเครื่องดื่มจิงจูฉ่ายลาเต้ ที่ดื่มง่าย ให้พลังงานต่ำ เหมาะเป็นเครื่องดื่มในมื้ออาหารว่างในระหว่างมื้อสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุและผู้รักสุขภาพ มองว่ามีความเป็นไปได้ทางการตลาดและธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการได้รับการถ่ายทอดองค์ ความรู้ให้สามารถผลิตได้อยู่ระหว่างการทดสอบตลาดและวางแผนการผลิตต่อไป

ในระหว่างการไปเยี่ยมชมไร่รื่นรมย์ ผู้ไปเยือนต่างได้ลิ้มชิมรสของผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำจากจิงจูฉ่าย ทั้งน้ำชา ขนมปัง เค้ก จิงจูฉ่ายลาเต้ และไอศกรีม ทุกอย่างอร่อยมาก รสชาติและกลิ่นเหมือนได้กินชาเขียวอย่างไรอย่างนั้นเลย

คุณศิริวิมลบอกว่า เครื่องดื่มฟังก์ชันจากจิงจูฉ่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีเหมาะสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มผู้รักสุขภาพ ซึ่งทางไร่รื่นรมย์มีการจัดการควบคุมวัตถุดิบจิงจูฉ่ายให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี โดย ปลูกแบบอินทรีย์มีรสชาติที่หอมอร่อยดีต่อสุขภาพ มีการนำมาทดสอบกับผู้บริโภคแล้ว ได้รับผลตอบรับที่ดี ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ สินค้าผ่านช่องทาง Line : @rairuenrom และผ่านช่องทางเพจ facebook : ไร่รื่นรมย์ เกษตรอินทรีย์ท่องเที่ยวออร์แกนิค Rai Ruen Rom Orgaic Farm

สาวๆ ลงแปลงจิงจูฉ่าย

จิงจูฉ่าย








Advertisement

โรงเรือนพลังแสงอาทิตย์ จิงจูฉ่ายผสมในอาหาร-เครื่องดื่มได้หลากหลาย

ทานตะวัน พิรักษ์

 

ผลิตภัณฑ์จากเคล ศิริวิมล กิตะพาณิชย์

นอกจากนี้ทางไร่ยังร่วมกับทาง รศ.ดร.รัชนี เจริญ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในโครงการผลิตภัณฑ์สมูทตี้ผงจาก อิตาเลียนเคลชนิดโปรไบโอติกสูง เพราะผักเคลถือเป็นซูปเปอร์ฟู้ดที่มีอนาคต เป็นที่นิยมบริโภคในหมู่คนรักสุขภาพ

เจ้าของไร่รื่นรมย์เล่าว่า ไร่นี้ คุณพ่อ(วีรศักดิ์ กิตะพาณิชย์) ซื้อไว้เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ในพื้นที่ 200ไร่ ทำเป็นเกษตรอินทรีย์ มีทั้งร้านอาหาร ที่พัก คาเฟ่ และมีทั้งศูนย์เรียนรู้ มีห้องอบรมสัมมนา และมีกิจกรรมสำหรับ Day Trip ให้คนมาทำกิจกรรมได้ทั้งครอบครัว หรือจะมาพักก็ได้ มีสินค้าทั้งสดและแปรรูป เน้นคอนเซ็ปต์ ‘From Raw to Rare’ เปลี่ยนวัตถุดิบธรรมดาที่เป็นผักธรรมดา ให้คนสามารถเข้าถึง ออร์แกนิก Life Style ได้มากขึ้น อย่างเช่นทำเป็นขนมปัง ของกินเล่น เน้นรูปแบบอาหารทานง่ายและสำเร็จรูปมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์อินทรีย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะถ้ามีตลาดที่มั่นคงแล้วก็สามารถส่งเสริมชุมชนให้ปลูกได้

ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดคือ น้ำผลไม้สารสกัดจิงจูฉ่าย นอกจากนี้ ยังมีผงจิงจูฉ่าย ทานคู่กับผงธัญพืช จะให้รสชาติเหมือนทานชาเขียวเลย ขนมปังจิงจูฉ่าย สังขยาจิงจูฉ่าย และไอศกรีมจิงจูฉ่าย ที่มีรสชาติเหมือนชาเขียว ถ้าใครมาถึงไร่รื่นรมย์อย่าลืมมาชิมไอศกรีมของไร่ที่ไม่เหมือนใครแน่นอน

“พืชผักผลไม้มีทั้งที่ไร่และของเกษตรกรเครือข่าย ซึ่งปลูกอินทรีย์เช่นกัน เพราะเราอยากจะส่งเสริมเรื่องเกษตรอินทรีย์ให้สามารถมีตลาดที่มั่นคงได้ ซึ่งมีเครือข่ายอยู่หลายสิบเจ้าทั่วประเทศไทย อาทิ ทุเรียน มังคุด สับปะรด อะโวคาโด สตรอว์เบอร์รี่ มะละกอ มะเขือเทศ มีหลายๆ ตัว โดยนำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่ม เบเกอรี่ของเรา เพื่อส่งต่อให้ผู้บริโภคได้กินง่ายขึ้น”

ในส่วนจิงจูฉ่ายสดขายอยู่กิโลกรัม(ก.ก.)ละ 300 บาท ถ้าทำเป็นแบบผงขายก.ก.ละ 3,000-4,000 บาท ถ้าเป็นสารสกัดจูจิงฉ่ายจะอยู่ที่ก.ก.ละ 10,000 บาท เท่ากับเพิ่มมูลค่าจาก 300 บาทไปจนถึง 10,000 บาท ขั้นตอนกรรมวิธีผลิตต่างๆ ทางไร่มีโรงตาก โรงแปรรูปที่ได้มาตรฐาน อย.เรียบร้อยแล้ว สำหรับผงจิงจูฉ่ายทดลองผลิตมา 3-4 ปีแล้ว แต่โรงเรือนแปรรูปเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อช่วงโควิด-19 นี้เอง ผลิตภัณฑ์ของไร่ใช้ชื่อแบรนด์‘ไร่รื่นรมย์’

เธอให้คำแนะนำสำหรับผู้สนใจปลูกผักสองชนิดว่า อยากให้เริ่มที่สเกลเล็กก่อน เพื่อเรียนรู้ผัก อย่างจิงจูฉ่ายชอบความชื้นแต่ไม่แฉะ ชอบร่มเงา ไม่ชอบแดดจัด ส่วนอิตาเลียนเคลก็เหมือนกัน ไม่ชอบน้ำขัง สามารถทนความร้อนได้ แต่ไม่ชอบฝน ก่อนจะปลูกอะไรสักอย่างต้องรู้จักพืชผักนั้นๆ ก่อน สาเหตุที่เลือกพืชสองตัวนี้เพราะจิงจูฉ่ายเป็นพืชพื้นเมืองของเชียงรายอยู่แล้วมีคุณสมบัติที่สามารถนำไปช่วยเหลือคนได้ เพราะมี คนป่วยเป็นมะเร็งมาที่ไร่และอยากให้ปลูกจิงจูฉ่าย เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ซ่อมแซมเซลล์อักเสบ มีประโยชน์เยอะมาก จึงอยากผลักดันพืชชนิดนี้ เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าของผักจิงจูฉ่ายให้คนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น

วันนี้‘ไร่รื่นรมย์’นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เน้นการปลูกแบบอินทรีย์แล้ว ยังเดินหน้าผลิตสินค้าหลากหลายเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้าและผู้มาเยือนทั้งหลาย

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน