วันที่ 14 ม.ค.บีบีซีรายงานว่า กองทัพรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า สามารถยึดเมืองโซเลดาร์ แหล่งเหมืองเกลือของประเทศยูเครนได้แล้ว หนึ่งในสมรภูมินองเลือดแห่งหนึ่งในสงครามยูเครน หลังจากรบมาอย่างยาวนาน และยกย่องว่าเป็นก้าวสำคัญในการโจมตี ชัยชนะดังกล่าวจะทำให้กองกำลังทหารรัสเซียรีบเดินหน้าโจมตีเมืองบักห์มุต เมืองใกล้เคียง และป้องกัน กองกำลังทหารยูเครน แต่เจ้าหน้าที่ยูเครนระบุว่า การสู้รบสำหรับเมืองโซเลดาร์จะยังดำเนินต่อไปและกล่าวหารัสเซียว่าบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร

ด้านนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนกล่าวเมื่อคืนวันที่ 13 ม.ค.ว่า การสู้รบในแคว้นโดเนสต์โอบลาสต์ยังคงรุนแรงต่อไป แต่เลี่ยงที่จะเอ่ยถึงข้อกล่าวอ้างของรัสเซีย เกี่ยวกับการเข้ายึดเมืองโซเลดาร์ ก่อนหน้านี้นายเซเลนสกีกล่าวถึงสภาพเมืองโซเลดาร์ว่าแทบไม่มีผนัง กำแพงใดๆ ในเมืองโซเลดาร์เหลืออยู่ เกือบจะถูกทำลายทั้งเมือง คล้ายวันสิ้นโลก

นายอังดรีย์ เยอร์มัก หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดีของยูเครนเปรียบเทียบการต่อสู้ ในเมืองโซเลดาร์และเมืองบักห์มุตว่า เทียบเท่าสมรภูมิแวร์เดิง หนึ่งในสมรภูมิที่รุนแรงดุเดือดที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 1 และนายพาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนสต์โอบลาสต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ในเมืองโซเลดาร์มีพลเรือน 559 คน รวมถึงเด็ก 15 คนและไม่สามารถถูกอพยพเคลื่อนย้ายออกมาได้

ศูนย์สงครามศึกษา สถาบันคลังสมองในสหรัฐระบุก่อนหน้านี้ว่าการยึดครองโซเลดาร์ เป็นความต้องการของนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เนื่องจากตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2565 กองทัพรัสเซียไม่สามารถยึดเมืองในยูเครนได้เลยแม้แต่เมืองเดียว รัสเซียทุกข์ทนต่อความอับอาย จากการพ่ายแพ้ในหลายสมรภูมิ ชัยชนะครั้งนี้ฝ่ายรัสเซียจึงถือเป็นการนำข่าวดีมาสู่ประชาชนรวมถึงกองกำลังรัสเซียที่อยู่แนวหน้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน