จากสถิติศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ พบว่า “ประเทศ ไทยมีรถหาย มากกว่า 20,000 คันต่อปี แบ่งออกเป็นรถจักรยานยนต์จำนวน 10,000 กว่าคัน รถกระบะประมาณ 3,000 คัน โดยจังหวัดที่มีสถิติรถหายมากที่สุดคือกรุงเทพ มหานคร ที่มีจำนวนรถหายมากกว่า 7,500 คันต่อปี ที่น่าตกใจกว่านั้นคือมีรถหายแล้วได้คืนเพียง 10% เท่านั้น

การติดตามจับกุมคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ได้ชนิดครบวงจร จึงช่วยลดจำนวนรถที่จะหายลงได้พอสมควร

ชุดจับผู้ต้องหาพร้อมของกลาง

 

ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2566 พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.ประทีป กาวิน พ.ต.ท.เกียรติภูมิ ทินาโชติ รองผกก.สส.บก.น.9 พร้อมฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.9 ร่วมกันจับกุมคนร้ายแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ประกอบด้วย นายประวิทย์ สุขเกษม อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สน.ท่าข้าม ที่ 59/2566 และนายอดุลย์ มีปัทมา อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สน.ท่าข้าม ที่ 60/2566 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ที่บริเวณใกล้เเยกพงษ์เพชร จ.นนทบุรี พร้อมของกลางเหล็กแทงเบ้ากุญแจ ที่ใช้ตระเวนก่อเหตุขโมยรถจยย.ตามห้างสรรพสินค้าเพื่อนำมาส่งอีกทอด

นอกจากนี้ยังขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 3 ราย ประกอบด้วย นายวรพล หรือโบ๊ท ดาราวรรณ์ อายุ 21 ปี และนายกล้า พรมเกิด อายุ 31 ปี และนายเล็ก พงษ์ภมร อายุ 30 ปี ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ หรือร่วมกันรับของโจร จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 17/44 หมู่ 7 หมู่บ้านราชพฤกษ์วิลล่า ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ของกลางเต็มห้อง

 

จากการตรวจค้นพบของกลาง รถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมยมาก่อนหน้า สภาพถูกชำแหละชิ้นส่วน บรรจุในกล่องพัสดุขนาดใหญ่พร้อมเคลื่อนย้ายและรถจักรยานยนต์ที่เพิ่งถูกลักขโมยมารวม 6 คัน ประกอบด้วย 1.รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีเทา-น้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (ทราบภายหลัง 5 ขย 9917 กรุงเทพฯ) 2.รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีแดง-เทา 110 ไอ คัน หมายเลขทะเบียน 5 ขผ 5601 กรุงเทพฯ 3.รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีขาว-แดง ทะเบียน 5 ขร 9833 กทม. 4.รถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีขาว-แดง ทะเบียน 1 กช 31 กรุงเทพฯ 5.รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีแดง ทะเบียน 5 ขฐ 5204 กรุงเทพฯ 6.รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า สกูปี้ สีน้ำเงิน ทะเบียน 3 ขธ 9973 กทม.

พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ เปิดเผยที่มาที่ไปของปฏิบัติการครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงวันที่ 17 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา มีเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในพื้นที่ สน.ท่าข้าม ต่อมาฝ่ายสืบสวน บก.น.9 และสน.ท่าข้าม รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับ ผู้ต้องหา 2 รายคือ นายประวิทย์ และนายอดุลย์

ชำแหละใส่กล่อง

 

จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในพื้นที่นครบาลและปริมณฑลมาหลายครั้ง โดยจะนำรถจักรยานยนต์ที่ลักมาส่งไป ให้กับกลุ่มผู้ต้องหาที่มีนายวรพล และนายกล้า และนายเล็ก ที่บริเวณตลาด แยกบางพลูจังหวัดนนทบุรี โดยมีการแบ่งหน้าที่กันเพื่อชำแหละและบรรจุใส่กล่องพัสดุ จากนั้นจะนำใส่ท้ายกระบะเพื่อไปส่งพัสดุต่อไปที่ชายแดนภาคใต้

ฝ่ายสืบสวน นครบาล 9 จึงเฝ้าติดตามและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายคือนายประวิทย์และนายอดุลย์ กระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 เวลา 19.30 น. จึงสามารถจับกุมตัวได้ระหว่างทั้งคู่ตระเวนลงมือก่อเหตุ ก่อนจะขยายผลไปจับกุมกลุ่มผู้ร่วมขบวนการอีก 3 รายได้

จนมุมคาห้องเช่า

 

จากการสอบสวน นายประวิทย์และนายอดุลย์ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุลักรถจยย.ตามห้างสรรพสินค้าจริง โดยจะทำตามออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ส่วนรถจยย.ที่ลักมาทั้ง 2 คันได้เงินมา 12,000 บาท ส่วนกลุ่มของนายวรพลกับพวกอีก 2 คนที่ทำหน้าที่ชำแหละรถจะได้ค่าขนส่งเที่ยวละ 5,000 บาท โดยจะมีรถกระบะตู้ทึบมารับรถจยย.ของกลางที่แพ็กใส่กล่องพัสดุครั้งละจำนวน 8 คัน จะมารับสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายประวิทย์และนายอดุลย์ส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ส่วนนายวรพล, นายกล้าและนายเล็ก ถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทองเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ถึงจะทำงานกันชนิดครบวงจร แต่สุดท้ายก็ไม่รอดฝีมือตำรวจนครบาลไปได้

พิรยุทธ นิ่มนนท์

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน