กรณี วิ่งไล่ลุง รูปใหม่ การไหวเคลื่อน ในทาง การเมือง : วิเคราะห์การเมือง
วิ่งไล่ลุง – จากแฟลชม็อบ ณ สกายวอล์ก ปทุมวัน เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม มายังกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ณ สวนรถไฟ เขตจตุจักร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม
ห่างกันเกือบ 1 เดือน
สะท้อนออกอย่างเด่นชัดว่า 1 ไม่เพียงแต่เป็นการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน หากแต่ 1 ยังแตกต่างไปจากการเคลื่อนไหวในกาลอดีต
ไม่ว่าอดีตเมื่อปี 2549 อดีตเมื่อปี 2553 อดีตเมื่อปี 2557
อาจมีสีสันของพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองมาเกี่ยวข้องและสัมพันธ์ แต่ก็เป็นสีสันของคนรุ่นใหม่ เป็นความสดใสงามตาและดำเนินไปอย่างอิสระ
ก่อนกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” จะปรากฏ มีเสียงห่วงใยจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะภาครัฐ ไม่ว่าจะในกลุ่มผู้มากประสบการณ์มากกว่า
เกรงว่าอาจมีโรคแทรกซ้อนทางการเมือง
เพราะเมื่อมีคนมากมายหลายพันมาร่วมกันอยู่ในจุดที่แน่นอน บรรดามือที่ 3 มือที่ 4 ก็อาจจะฉวยโอกาส สร้างสถานการณ์ให้บานปลาย
กระนั้น กิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ก็เดินหน้า
เดินหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่า คนรุ่นใหม่ คนหนุ่มคนสาวก็สามารถสร้างปรากฏการณ์อันเป็นเงาสะท้อน และความต้องการทางการเมืองของพวกเขาได้
ไม่ว่าจะเป็นแฟลชม็อบ ไม่ว่าจะเป็นวิ่งไล่ลุง แม้ต่างเวลา ต่างสถานที่ ต่างรูปแบบในการเคลื่อนไหวแต่ก็มีจุดร่วมอย่างไม่ควรมองข้าม
ไม่ว่าที่สกายวอล์ก ไม่ว่าที่สวนรถไฟ
เสียงกระหึ่ม “ออกไป ออกไป” ที่ดังกึกก้องทั้งสกายวอล์ก ได้รับการประสานต่อภายใต้ชื่อ “วิ่งไล่ลุง” อย่างเด่นชัดและเป็นรูปธรรม
กังวานแห่ง “ออกไป ออกไป” ก้องผ่านแต่ละฝีเท้าที่โลดแล่น
และจุดหนึ่งซึ่งไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดก็คือ มิได้มีแต่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ตรงกันข้ามประชาชนได้กระแทกฝ่าเท้า “วิ่งไล่ลุง” พร้อมกันในขอบเขตทั่วประเทศ
การเคลื่อนไหวในแบบแฟลชม็อบก็ดี การเคลื่อนไหวในแบบวิ่งไล่ลุงก็ดี สะท้อนความแตกต่างในทางการเมืองออกมาอย่างเด่นชัด
ไม่เหมือนเมื่อปี 2516 ไม่เหมือนเมื่อปี 2535
สภาพการณ์เปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน รูปแบบและกระบวนการของการเคลื่อนไหวก็แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของมัน
เราจะลุกขึ้นมาทวงคืนสิทธิ์ที่หายไป