คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
เลือกตั้ง ในกทม. – การเสนอตัวเข้ามาของ นางทยา ทีปสุวรรณ ส่งผล สะเทือนสูงทางการเมือง
ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ ทำให้พรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องเล่นบท “ลอยตัว” ทางการเมืองเหมือนกับเมื่อตอนเลือกตั้งนายกอบจ.ในเดือนธันวาคม 2563
นี่ย่อมเป็นประกาศิตจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ทำให้มือที่เคยแตะหลัง ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เกิดอาการงันชะงักด้วยความพร้อมเพรียงกัน
ในที่สุด ทางออกในสนามกทม.จะออกมาอย่างไร
ไม่ควรมองข้ามนามสกุล “ทีปสุวรรณ” ของ “นางทยา” เป็นอันขาด
แม้รากฐานเดิมของเธอจะเป็น น.ส.ทยา ศรีวิกรม์ แต่เมื่อเข้าสู่พิธีมงคลสมรสกับ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เธอก็กลายเป็น นางทยา ทีปสุวรรณ ตามกฎหมาย
Advertisement
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ คือ บัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคพลังประชารัฐ
ยิ่งกว่านั้น ก็ไม่ได้มาคนเดียวหากแต่มาพร้อมกับ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ พร้อมกับ นายสกลธี ภัททิยกุล พร้อมกับ นายอนุชา บูรพชัยศรี มากด้วยพลานุภาพ
ที่สำคัญ เป็นพลานุภาพในพื้นที่ “กรุงเทพมหานคร”
สภาพการณ์ทางการเมืองภายในพรรคพลัง ประชารัฐจึงอยู่ในอาการงันชะงัก
แม้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จะพยายามทอดตามอง ไปยัง “ป่ารอยต่อ” แม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะพยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ในห้วงดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ตร.
ก็ไม่อาจสบตา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้
การปรากฏตัวของ นางทยา ทีปสุวรรณ จึงเท่ากับเป็นหินลองทอง พิสูจน์อำนาจ วาสนาและบารมีทางการเมือง ภายในพรรคพลังประชารัฐอย่างมีนัยสำคัญอีกวาระหนึ่ง
ในที่สุด กระบวนการ “ลอยตัว” จึงถูกปล่อยออกมา
กรณีของ นางทยา ทีปสุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐก่อให้เกิดความคึกคัก
ไม่เพียงเป็นความคึกคักอันแย้มออกมาจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หากแต่ยังเป็นความคึกคักภายในกระบวนการเลือกสรรภายในพรรคก้าวไกลที่กำลังเร่งวันเร่งคืน
รู้กันอยู่ว่าบรรยากาศเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯ กทม.” ต้องคึกคัก เข้มข้นแน่
