คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

กระชับ อำนาจ ของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ใน ประชาธิปัตย์

สถานการณ์อันเกิดขึ้น “ภายใน” พรรคประชาธิปัตย์ สะท้อนความขัดแย้ง แตกแยก

คล้ายกับเป็นความขัดแย้งระหว่าง นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นายอันวาร์ สาและ กับกลุ่มนำที่กุม “อำนาจ” ในพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน

คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ นายนิพนธ์ บุญญามณี

แต่หากมองไปยังเงาทะมื่นอันยืนอยู่ข้างหลัง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และ นายอันวาร์ สาและ ก็จะมองเห็นร่องรอยแห่งความขัดแย้งที่ดำรงอยู่

นี่คือ ความขัดแย้งอันสะท้อนถึงการ “ปรับ” กระบวนแถวต่างหาก

ถามว่าเมื่อมองไปยัง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายอันวาร์ สาและ จะเห็น “ใคร”

เด่นชัดในกรณีของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ว่าจะต้องเห็นเงาของ นายชวน หลีกภัย ทอดทับมาจากจังหวัดตรังอย่างมิอาจปฏิเสธได้

และยังมีเงาของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ขณะที่ข้างหลังกายของ นายอันวาร์ สาและ อาจมิได้เห็น นายชวน หลีกภัย อย่างเด่นชัด หากแต่ที่มิอาจปัดปฏิเสธได้เลยคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นี่คือ ร่องรอยแห่ง “อิทธิพล” ที่ตกค้างอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์

หากมองจากด้านของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็เห็นถึงความจำเป็นทางการเมือง

โดยพื้นฐานการเป็นหัวหน้าพรรคของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อาจสะท้อนถึงการยอมรับและรับรองจาก นายชวน หลีกภัย ตามกระบวนการของพรรค

และการไปของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มีเหตุผล

ขณะเดียวกัน เมื่อมาอยู่ในสถานะแห่งหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็จำเป็นต้องจัดแถวร่วมกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค

และดึง นายนิพนธ์ บุญญามณี มาเป็น กำลังสำคัญ

ระหว่าง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ กับ นายอันวาร์ สาและ เส้นทางจะเป็นอย่างไร

มีแนวโน้มที่พรรคประชาธิปัตย์จะยังให้เกียรติต่อ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อยู่ แต่กล่าวสำหรับ นายอันวาร์ สาและ เด่นชัดว่าอาจต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม

เพราะอยู่ในจุดอันเรียกว่า “กู่” ไม่กลับแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน