สถานการณ์อันเกิดกับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้กลายเป็น “กรณีศึกษา” แหลมคม

เหมือนกับจะเป็นบทเรียนสำคัญต่อการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล เหมือนกับจะเป็นบทเรียนสำคัญต่อการตัดสินใจของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา

แต่ต้องยอมรับว่า “ผลสะเทือน” กว้างไกลกว่านั้น

ไม่ว่าจะมองไปยังกระบวนท่าอันมาจาก “หลายคน” แห่งพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมองไปยังกระบวนท่าอันมาจาก “หลายคน” ภายในพรรคร่วมรัฐบาล

สะท้อน “ปฏิกิริยา” บ่งบอก “ความไม่พอใจ” เด่นชัด

ท่าทีอันออกมาจาก “วิปรัฐบาล” มากด้วยความละเอียดอ่อน มากด้วยความอ่อนไหว

เนื่องจากเป็น “ปฏิกิริยา” อันมาจาก “ประธานวิป” โดยตรง ทั้งยังเป็นคนที่มากด้วย “เกียรติประวัติ” ในการต่อสู้ และมีประสบการณ์ทางการเมือง

จาก “พรรคมวลชน” ไป “พรรคพลังธรรม” ก่อน “ความหวังใหม่”








Advertisement

ขณะเดียวกัน “ปฏิกิริยา” อันดังมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ อันดังมาจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งพรรคชาติไทยพัฒนา ยิ่งอ่อนไหว

เล่นกันรุนแรงถึงขั้นจะให้นำไปสู่ “การยุบพรรค”

เบื้องหน้าความดุเดือดร้อนแรงเช่นนี้พรรคก้าวไกล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นเช่นใด

พรรคก้าวไกลจัดการประชุมพรรคภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการลาออกของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือกรรมการบริหารพรรค

ทั้งหมดเพื่อยืนยันความต้องการที่จะได้เป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน”

ขณะเดียวกัน ท่ามกลางการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลง นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ก็อยู่บนทางแพร่งแห่งการเลือกอย่างมีนัยแหลมคม

เพื่อให้เป็นตาม “รัฐธรรมนูญ” ตาม “ข้อบังคับ”

ไม่ว่าจะมองอย่างไร พรรคก้าวไกล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ยึด “รัฐธรรมนูญ”

ตราบใดที่การตัดสินใจอยู่บนข้อบัญญัติของ “รัฐธรรมนูญ” และ “ข้อบังคับพรรค” ถือได้ว่าเป็นการตัดสินอยู่บนฐานแห่ง “กติกา”

“ปฏิกิริยา” ที่เกิดขึ้นจึงล้วนเป็น “ความเห็น” ในมุมต่าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน