ไม่ว่าจะมองไปยังการทำงานของกกต.ในวันที่ 24 มีนาคม ไม่ว่าจะมองไปยังความยุ่งยากในการแบ่งขั้ว รวมฝ่ายเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล
เหมือนกับว่ากกต.จะกลายเป็นตำบลกระสุนตก
เห็นได้จากความหงุดหงิดอันปรากฏผ่านสื่อต่างๆภายหลังรับฟังคำแถลงของกกต. เห็นได้จากการฟ้องร้องให้เห็นจุดบกพร่องที่ปรากฏในวันที่ 24 มีนาคมจากแต่ละพรรคการเมือง
รูปธรรมสำคัญก็คือจำนวนรายชื่อที่ไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ ของกกต.ที่ทะยานไปถึงกว่า 800,000 เพียง 1 สัปดาห์ภายหลังวันที่ 24 มีนาคม
ในที่สุดความหงุดหงิดก็จะไปลงที่ “คสช.” ในที่สุดความหงุด หงิดก็จะไปลงที่ “รัฐธรรมนูญ”
การวิพากษ์วิจารณ์ที่ตรงเป้าและแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมที่สุดในขณะนี้มาจากจุดอ่อนและความบกพร่องอันเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรใบหน้าของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็จะลอยเด่นขึ้นมา
ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนด กฎ กติกา
โดยตรงก็เหมือนกับ 7 กกต.จะอยู่ในฐานะเป็น”หนังหน้าไฟ”ให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้ง
แต่คำถามก็อยู่ที่ว่า กกต.มาจากไหน แต่คำถามก็อยู่ที่ว่ากฎ ระเบียบอันกำหนดให้ทิศทางการเลือกตั้งเป็นเช่นนี้มาจากไหนใครเป็นคนบริหารจัดการ
คำตอบแน่ชัดอย่างยิ่งว่า มาจาก”แม่น้ำ 5 สาย”อันล้วนได้รับการแต่งตั้งมาจาก “คสช.”
สถานีปลายทางย่อมเป็น “คสช.”ไม่มีอื่น
ยิ่งพรรคพลังประชารัฐตื่นเต้นกับชัยชนะที่ได้มามากเพียงใด ยิ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจขยายไปอย่างกว้างขวาง
หากในที่สุดแล้วพรรคพลังประชารัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาล หากในที่สุดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตกเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งหมดล้วนมีรากงอกมาจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
นั่นหมายถึงบทสรุป “รัฐธรรมนูญนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ได้ปรากฏเป็นจริง
ในที่สุด “รัฐธรรมนูญ”จะกลายเป็นตำบลกระสุนตก