ฝุ่นเข้าตา
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
บทบรรณาธิการ – ประชาชนคนไทยรู้จักและเริ่มเคยชินคำว่า ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอน มา 2 ปีแล้ว
บริษัทเอกชนต่างผลิตเครื่องกรองอากาศ หน้ากากอนามัย และสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพการหายใจ เป็นรุ่นใหม่ที่ระบุว่าลดพิษภัยจากฝุ่นพีเอ็ม 2.5
ต้นปี 2562 ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เป็นข่าวใหญ่ติดต่อยาวนานหลายวัน และมีชื่อประเทศไทยติดอันดับสภาพอากาศเป็นอันตรายระดับโลกด้วย
แม้ว่าเดือนตุลาคม 2562 รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะยกระดับการแก้ปัญหาฝุ่นให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่สถานการณ์กลับมาไม่พึงปรารถนาอีกครั้งช่วงต้นปีนี้
ตั้งแต่หลังช่วงหยุดยาวปีใหม่ 2563 ฝุ่นละอองกลับมาปกคลุมท้องฟ้า ค่าพีเอ็ม 2.5 สูงขึ้นมาอีก คำอธิบายเบื้องต้นจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่าเพราะช่วงเวลานี้มีความกดอากาศต่ำแผ่ลงมา ทำให้ลักษณะของอากาศในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล มีสภาพคล้ายฝาชีมาครอบอยู่
นอกจากนี้ยังชี้ถึงสาเหตุของค่าฝุ่นที่สูงขึ้น ว่าเกิดจากรถยนต์ร้อยละ 72.5 และที่เหลือเกิดจากการเผาในที่โล่ง และจากภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกสาย
มาตรการที่รัฐบาลประกาศออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ คือการขอความร่วมมือประชาชนและเปลี่ยนมาตรฐานของเครื่องยนต์ ไปจนถึงรถประจำทาง และข้อกำหนดสั่งห้ามใช้รถที่ปล่อยควันดำ
สิ่งที่ควรทำต่อไปคือวัดผลของการใช้มาตรการนี้ให้เห็นชัดเจน
สําหรับเสียงวิจารณ์ของประชาชน นักวิชาการ และสื่อมวลชนที่ติติงรัฐบาล อาจเพราะเห็นว่าช่วงเวลาที่ทิ้งนานมา 2 ปี ไม่ค่อยปรากฏความตื่นตัวและมาตรการที่เข้าถึงชีวิตประจำวันของประชาชน
แต่ผู้ร่วมรัฐบาลไม่ควรออกอาการหงุดหงิด มองว่าเป็นเรื่องโจมตีกันในเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ หรือทิ่มแทงรัฐบาลและข้าราชการ
หากรัฐบาลยืนกรานว่า พยายามแก้ไขปัญหามามากแล้ว ต้องเปิดแผนแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง อีกทั้งต้องทบทวนว่ามาตรการที่ออกมานับจากยกระดับปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ มีส่วนใดต้องเร่งทำ ส่วนใดต้องปรับปรุง และส่วนใดต้องทำเพิ่มเติม
ไม่ปล่อยให้ฝุ่นเข้าตาตนเองจนทำอะไรไม่ถูก
อ่านข่าว