ภูมิธรรม เวชยชัย แจงข่าวพท.แตก-ตั้งกลุ่ม-ตั้งพรรค : สัมภาษณ์พิเศษ

การเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำและผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เพื่อตั้งกลุ่มที่มีชื่อในเบื้องต้นว่า กลุ่มแคร์ เป็นที่จับตา

การก่อเกิดของกลุ่มนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นการปูทางสู่การตั้งพรรคการเมืองในอนาคตใช่หรือไม่

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หนึ่งในแกนนำกลุ่ม ให้ความกระจ่างไว้ดังนี้

ที่มาที่ไปของการรวมกลุ่ม

พวกเราทั้ง 4 คน (นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และนายภูมิธรรม) เป็นเพื่อนที่ทำงานการเมืองร่วมกันมานาน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาบ้านเมืองด้วยกันมาต่อเนื่อง แต่ละคนมีเพื่อน มีวงสังคมเกี่ยวข้องและหลากหลายมาก

เวลาพบปะผู้คน นอกจากสนทนาทักทายกันปกติแล้วก็มักพูดคุยถามสถานการณ์และมีประเด็นข้อห่วงใยบ้านเมืองอยู่เสมอ ช่วงหลังๆ ผู้คนที่เราพบและคุยกันส่วนใหญ่สะท้อนปัญหาของบ้านเมือง ทุกคนพกพาความรู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง

และเห็นตรงกันว่าสังคมไทยวันนี้เกิดปรากฏการณ์ที่อาจสรุปได้ว่า มีความอับจนและตกต่ำทางปัญญาเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เป็นปรากฏการณ์ที่คนหมดสิ้นความหวังต่อสังคมต่อตัวผู้นำและการนำ

ที่น่าห่วงใยอย่างยิ่งคือคนส่วนใหญ่ถูกสกัดกั้นและถูกกดดันโดยการใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือ การสื่อสารที่เกิดขึ้นในสังคมเป็นการสื่อสารให้ผู้คนยอมจำนน จำต้องอยู่อย่างสงบแต่ไร้ปากเสียง พร้อมถูกสกัดกั้นมิให้ลุกขึ้นมาร่วมมือกัน ไม่ต้องคิดเปลี่ยนแปลงใดๆ

พวกเราที่มารวมตัวกันครั้งนี้เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่เคยพูดคุยกันมานาน แสดงความเห็นส่วนตัวที่ห่วงใยสถานการณ์กันมาตลอด เรายังเชื่อว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยมีปัญญา มีความรู้คิดที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากเห็นทางเลือกและทางรอดใหม่ๆ เกิดขึ้นในสังคม การนัดพบปะพูดคุยกันเป็นกลุ่มเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา

หนีไม่พ้นเสียงวิจารณ์ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากระดับแกนนำล้วนคนใกล้ชิดนายทักษิณมาก่อน

เราไม่อาจปฏิเสธประวัติศาสตร์และความมีปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของพวกเรา 4 คนกับท่านอดีตนายกฯ ทักษิณได้ เพราะความจริงที่ไม่ต้องปฏิเสธก็คือเราทั้ง 4 คนล้วนเป็นคนคุ้นเคย และเคยทำงานร่วมกับท่านในฐานะเพื่อน น้อง และเคยเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ท่านทักษิณเป็นนายกฯ

ที่สำคัญเราทุกคนยังมีความเคารพนับถือ ชื่นชมในศักยภาพและความสามารถที่ท่านยังมีอยู่อย่างเต็มที่ เหมือนคนไทยและคนในต่างประเทศอีกจำนวนมากที่ยังชื่นชมในความสามารถ ยังคิดถึงทุกครั้งที่ประเทศมีวิกฤต หรือเผชิญความทุกข์ยาก

แต่ความจริงคือคนที่มาพบกันกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดไม่ใช่คนของคุณทักษิณ แม้เรา 4 คนจะเป็นผู้ริเริ่มนัดให้เกิดการคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน แต่การรวมตัวกันในครั้งนี้ของคนกว่า 30 คนที่ต่างวัย ต่างประสบการณ์ และหลากหลายสาขาวิชาชีพ มีภูมิหลังและที่มาแตกต่างกัน

ถือเป็นการเริ่มต้นของกลุ่มคนที่มีความห่วงใยประเทศ ห่วงใยวิกฤตการณ์ที่กำลังถาโถมเข้ามาสู่สังคมไทย เป็นความมุ่งมั่นที่อยากจะเข้ามาช่วยกัน ดิ้นรน แสวงหาหนทางเลือกและทางรอดให้สังคมไทย ไม่มีใครสามารถไปบังคับขู่เข็ญให้ก้าวเข้ามาร่วมกันได้

คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีสถานะ มีบทบาทในสังคม ล้วนมีที่มาต่างๆ กัน บางท่านเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของสถาบันทางการเงินชั้นนำในประเทศ บ้างเป็นนักวิชาการมีชื่อ บางท่านเป็นอดีตรองอธิการบดี บ้างเป็นคณบดี เป็นผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองไทย

บางส่วนเป็นคนรุ่นใหม่ๆ เป็นนักธุรกิจกลุ่มสตาร์ตอัพ เป็นผู้มีประสบการณ์ที่มีความรู้ในเรื่องไอที บ้างเป็นอาชีพอิสระ เป็นครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ เป็นนักเขียนระดับรับรางวัลชาติที่มีชื่อ เป็นนักเล่าเรื่อง เล่าประวัติศาสตร์ เป็นนักสื่อสารมวลชน

เป็นพิธีกรรายการทีวีชื่อดัง เป็นบรรณาธิการ หรือคอลัมนิสต์อาวุโส เป็นอดีตนักสื่อสารมวลชนที่คนรู้จัก เป็นสถาปนิก เป็น นักวิจัยหรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องการทำการเกษตรแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการทำเกษตร บางคนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน

ความคิดเห็นจากบทเรียน ประสบการณ์ของแต่ละท่าน เมื่อได้มาร่วมกันคิดร่วมกันมองในเวทีเดียวกัน มันทำให้เกิดปัญญา เกิดพลังที่เป็นห่วงบ้านเมือง และพร้อมจะใช้ความรู้คิดในมุมมองต่างๆ มาทำให้ภาพของทางเลือกใหม่ๆ เกิดขึ้น

ว่าไปแล้วพวกเรา 4-5 คนที่เป็นนักการเมือง เคยทำการพรรคการเมืองมาก่อน ถือเป็นกลุ่มคนส่วนน้อยและมีประสบการณ์ไม่กว้างขวางเท่าท่านอื่นๆ ในกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ กลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีความกล้าหาญ ต้องการมีส่วนร่วมกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อหวังสร้างชีวิตที่ดีขึ้น

เบื้องต้นสมาชิกในกลุ่มให้เรา 4 คนที่เป็นแกนนำ ทำหน้าที่ประสานงานไปก่อน เพราะจะต้องหารือถึงชื่อกลุ่ม โครงสร้าง การประสานงาน ให้เป็นรูปธรรมว่าจะทำอะไร ทุกอย่างจะชัดขึ้นเรื่อยๆ

การรวบรวมคนมีชื่อเสียง มีประสบการณ์ที่ว่า มีใครบ้าง ประมาณกี่คน

ต้องขอโทษจริงๆ ที่ยังไม่อาจเปิดเผยชื่อได้ในขณะนี้ แต่เชื่อว่าอีกสักระยะหนึ่ง ใกล้ๆ นี้ เราคงจะเปิดเผยรายชื่อได้ ก่อนหน้าการนัดคุยกันเพื่อนที่เคยร่วมปรับทุกข์เดิมตั้งใจจะขอเข้ามาร่วมการหารือมากกว่านี้ แต่เราอยากค่อยเป็นค่อยไป อยากเริ่มต้นกลั่นความคิด ความตั้งใจให้ตรงกัน เริ่มต้นจากเจตจำนงที่ใกล้เคียงกัน

เราเชื่อว่าพลังที่เกิดขี้นจากการหล่อหลอมความคิด จิตใจและอุดมการณ์ที่ตรงกันจะเป็นพลังที่เข้มแข็ง สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้มากกว่าพลังที่มารวมตัวกัน เพียงด้วยผลประโยชน์เฉพาะครั้ง และความต้องการทางส่วนตัวเฉพาะตน

จุดร่วม อุดมการณ์ เป้าหมาย

จากนี้ไปพวกเราคงช่วยกันสร้างความเข้าใจ เพื่อขยายความสนใจให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

จากสถานการณ์วันนี้ผมยังเชื่อว่าอีก 150 วันจากนี้ สังคมไทยและพี่น้องประชาชนคงต้องเผชิญกับมหาวิกฤตที่ใหญ่และน่าวิตกอีกมาก เท่าที่คุยและหารือกันในชั้นต้น เราคาดหวังจะร่วมกันสร้างจุดเริ่มต้นของประกายความคิด ให้กลุ่มบุคคลที่ยังมีความวิตกและห่วงใยบ้านเมืองสามารถชักชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ ร่วมกันปลดปล่อยความกลัวที่กดครอบสังคมออกไป

พร้อมจะช่วยกันจุดประกายความกล้าให้เกิดขึ้นในสังคม มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะรวมความสามัคคีของคน มาร่วมกันนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตด้วยศักยภาพและความร่วมมือกันของประชาชนไทยเอง

เราตกลงใจว่าก้าวแรกที่จะทำร่วมกันคือรับฟัง สะท้อน หรือเสนอความเห็นที่ชัดเจนให้รัฐบาลและฝ่ายผู้มีอำนาจเห็นว่าปัญหาและผลกระทบอย่างรุนแรงที่ทำให้เศรษฐกิจยากต่อการฟื้นตัว และจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อชีวิตของประชาชน หากยังคงดื้อรั้น ยืนยันที่จะคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้

นี่คือภารกิจเบื้องต้นที่พวกเราอยากเสนอให้สังคมและกลุ่มผู้มีอำนาจได้เข้าใจว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นประเด็นสาธารณะ ที่กลุ่มผู้มีอำนาจและรัฐบาลพึงเข้าใจว่าหากไม่รีบยกเลิกจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศก้าวเข้าสู่หายนะ ตกลงไปในหลุมดำที่ลึกจนยากแก่การฟื้นฟูเยียวยาประเทศ

ก้าวต่อไป คือ ต้องเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจรับรู้และเข้าใจสถานะประเทศว่าหลังจาก 150 วันจากนี้ไป ประเทศจะเกิดมหาวิกฤตที่คนรุ่นเราอาจไม่เคยพบเห็นมาก่อน คาดว่าสถานการณ์วิกฤตจะหนักหน่วง รุนแรงและยุ่งยากมากกว่ายุควิกฤตต้มยำกุ้ง

เพราะการทำงานและมาตรการที่รัฐบาลและกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบันกำลังดำเนินการอยู่นั้น เดินไปอย่างหลงทิศ ผิดทาง ถ้ายังเดินหน้าต่อไปจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้ช้าและยาวนานมากกว่าที่ควร

ท้ายที่สุด เราจะเร่งเสนอประเด็นสาธารณะต่อสังคมว่าหากสังคมไทยยังไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่เปิดโอกาสให้มีการสร้างหลักประกันเรื่องการมีส่วนร่วมของคนในสังคมไม่ช่วยกันสร้างกลไกการตรวจสอบในสังคม ให้เกิดความสมดุลขึ้นแล้ว อย่าคิดหวังว่าปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศครั้งนี้จะได้รับการแก้ไขและคลี่คลายลงได้ และเราจะร่วมกับประชาชนรณรงค์ในเรื่องนี้ต่อไปอย่างจริงจัง

โอกาสยกระดับไปสู่การตั้งพรรคการเมือง จะเป็นพรรคสาขาหรือพรรคที่แตกตัวมาเหมือนพรรคไทยรักษาชาติ เพื่อกวาดเก็บส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่

ขอยืนยันว่าคนกลุ่มนี้ทั้งหมดมิได้มีเจตนาเริ่มต้นที่จะมาจัดตั้งพรรคการเมือง หลายคนในกลุ่มนี้ไม่ได้อยากเป็นนักการเมือง แม้จะมีความเข้าใจและเห็นความสำคัญในการสร้างพรรคที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมก็ตาม

วันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะรีบดำเนินการ รีบจัดตั้งพรรคการเมือง ทุกอย่างควรเป็นธรรมชาติ คลี่คลายไปตามวิถีในแต่ละสถานการณ์ อยากให้สิ่งต่างๆ หากจะเกิดขึ้น ควรเกิดขึ้นและเป็นไปตามสถานการณ์ เป็นไปตามความต้องการของทุกคนที่เข้ามาร่วมมือกัน

อย่างน้อยสิ่งที่เราอยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น คือ เราเชื่อมั่นในพลังปัญญาของผู้คนอีกมากมายในสังคม อยากเห็นการเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศ เป็นบทบาทที่ควรเป็นของคนทุกคน

และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะยืนอยู่ในสถานะใด เป็นบุคคล กลุ่มคน หรือเป็นองค์กรทางการเมืองใดๆ เราควรมีสิทธิที่จะห่วงใย สามารถเข้ามีส่วนร่วมคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม เราจึงรวมตัวมาพูดคุยกัน อาสาเข้ามาช่วยกันเสนอแนะ ช่วยกันแสวงหาทางเลือก ทางรอด ให้แก่สังคม

เราอยากเห็นคนในสังคมที่แม้มีสถานะและมีบทบาทผิดแผกแตกต่างกันไป สามารถร่วมมือกันเข้ามาช่วยแก้ไขฝ่าฟันวิกฤตที่กำลังจะมาถึงไปด้วยกันได้

การแยกตัวมาตั้งกลุ่ม หรืออาจตั้งพรรคในอนาคต เป็นเพราะเกิดความแตกแยกในพรรคเพื่อไทย

อยากเรียนว่าความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือความขัดแย้งในการทำงานเป็นเรื่องปกติในทุกองค์กรและทุกพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยหรือองค์กรใดๆ หากจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่พรรค สมาชิกพรรค หรือ ผู้บริหารในพรรคนั้นๆ ต้องไประดมความคิด หาหนทางและวิธีแก้ไขความขัดแย้งของตนภายในพรรค

สำหรับผมตั้งแต่ออกจากเลขาธิการพรรคเพื่อไทยมาก็ไม่ได้รับตำแหน่งใดๆ ในกรรมการบริหารพรรค เหลือเพียงตำแหน่งที่ปรึกษาท่านหัวหน้าพรรค

ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ก็เป็นตำแหน่งข้าราชการการเมืองในสภา และทำงานประสานพรรคการเมืองต่างๆ ตามคำบัญชาของผู้นำฝ่ายค้านเป็นสำคัญ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการในพรรคมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว เพราะถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อไป

แต่ความรัก ความผูกพันกับสมาชิกพรรคและนักการเมืองของพรรคส่วนใหญ่ ก็ยังคงมีความรักความผูกพันกันอยู่อย่างเต็มที่แน่นแฟ้น สายสัมพันธ์เดิมที่มีอยู่ไม่อาจจะแยกกันไปได้ง่ายๆ

การมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกับพี่น้องประชาชนต่างๆ ครั้งนี้ มิได้เป็นการทำภารกิจที่เกี่ยวพันในนามของพรรคเพื่อไทย ผมทำไปในฐานะนักการเมืองคนหนึ่งที่ยังมีความรักและความห่วงใยในบ้านเมือง ยังมีศรัทธาต่อพลังประชาธิปไตย มีความหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์

ส่วนอนาคตต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ พัฒนาไปตามวิถีทางของสถานการณ์ที่คลี่คลายไป

มีความเกี่ยวข้องกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ที่จะตั้งพรรคใหม่หรือไม่

ท่านจาตุรนต์กับผมเป็นเพื่อนสนิทที่รักกัน เป็นคนคุ้นเคยกับพวกเราอีกหลายคนในกลุ่ม เรายังพบปะทานข้าว สังสรรค์ร่วมกันสม่ำเสมอต่อเนื่อง ไม่ได้มีปัญหาใดๆ เลย พวกเราเป็นนักต่อสู้ที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย อยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่ก่อให้เกิดความยุติธรรมเช่นเดียวกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นคือต่างฝ่ายต่างคิด ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ตามความเชื่อของตน ไม่ได้มีสิ่งใดขัดแย้งกัน เราได้คุยกันต่อเนื่อง

ผมก็ไม่คิดว่าการร่วมมือกันทำงานหลายๆ อย่าง จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพียงแต่ยังอาจไม่ใช่เวลา อะไร หรือสิ่งใดก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ผมมิได้คิดว่าจะมีอะไรเป็นอุปสรรคขัดขวางการพบกันของพวกเรา

สังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลง ชีวิตของคนไทยต้องดีขึ้นบนวิถีทางประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราต้องก้าวข้ามความกลัวและข้อจำกัดที่กดทับเรา เราไม่มีวันสิ้นหวัง พร้อมก้าวข้ามความท้าทายใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย เราพร้อม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน