#วันเฉลิม คือเรา : คอลัมน์ ใบตองแห้ง

#วันเฉลิม คือเรา – ดอน ปรมัตถ์วินัย ตอบกระทู้ในสภา วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ “ไม่มีความสำคัญ” ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อความมั่นคง
อ้าว ตอบอย่างนี้แปลว่า ไม่มีความสำคัญพอที่รัฐบาลจะส่งคนไปอุ้ม? ถ้าอย่างนั้น สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, โกตี๋, ลุง สนามหลวง ฯลฯ มีความสำคัญเป็นภัยคุกคามไหม
“ไม่มีความสำคัญ” ก็เหมือนประยุทธ์บอก ไม่รู้จักมาก่อน ย้อนถามญาติ “หนีทำไม” อ้าวเฮ้ย ใครออกคำสั่งเรียกรายงานตัว คสช.ไม่ใช่หรือ ไม่รู้จักแล้วเรียกได้อย่างไร หลายรายที่เรียกไปก็ถูกจับกุมคุมขัง บ้างยังมีคดีค้างคาถึงวันนี้ ยังย้อนถามเขาอีก หนีทำไม
หนีอำนาจเถื่อน รัฐประหารออกคำสั่งเป็นกฎหมาย ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ตอบอย่างนี้พอไหม
ต่อมาภายหลัง ยังออกหมายจับคดีคอมพิวเตอร์ เพราะถูกหมายหัวว่าเป็นแอดมินเพจ “กูต้องได้100ล้านจากทักษิณแน่ๆ”
กองเชียร์รัฐบาลพากันอ้างอย่างดอนว่า วันเฉลิมไม่ได้ถูกอุ้มเพราะเรื่องการเมือง เป็นเรื่องส่วนตัว หนีหนี้ หรือแค่เห็นถ่ายภาพกับต้นกัญชาก็หาว่าค้ากัญชา ปฏิเสธความจริงว่า นี่คือผู้ลี้ภัยรายที่ 9 แล้ว ที่ถูกอุ้มหายในประเทศเพื่อนบ้าน
ปฏิเสธความจริงว่า พวกตัวนั่นแหละ เกลียดชังพวก “ชังชาติ” ผู้ลี้ภัยในต่างแดน ที่กำลังเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ ถ้ามีใครตั้ง “หน่วยพิเศษ” ไปอุ้มหาย คนพวกนี้ก็จะสะใจ ทั้งที่ติดแฮชแท็ก #BlackLivesMatter ด่าประชาธิปไตยอเมริกันอยู่หลัดๆ

รัฐบาลพยายามอ้าง วันเฉลิมไม่มีสถานะผู้ลี้ภัย ไม่อยู่ในระบบ UNHCR ด่า Human Rights Watch, Amnesty ตีข่าวเรียกความสนใจ หนีรัฐประหารไม่ใช่ผู้ลี้ภัยจนกว่าจะลงทะเบียนกับ UNHCR อย่างนั้นหรือ?
ตีขลุมบนความลำบากใจของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งยอมให้คนหนีภัยรัฐประหารพักพิง ด้วยมนุษยธรรม แต่ไม่สามารถยอมรับอย่างเปิดเผยเพราะเกรงใจรัฐไทย ครั้นพอถูกอุ้มหาย ก็ต้องปฏิเสธว่าไม่มีตัวตน กรณีนี้ยังดีที่กัมพูชายอมรับว่าวันเฉลิมมีตัวตน แต่อยู่อย่างผิดกฎหมายเพราะไม่ต่อวีซ่า
รัฐบาลอาจพูดได้ว่า รัฐที่ฉลาดจะไม่ส่งคนไปอุ้มฆ่าศัตรูทางการเมืองในต่างประเทศ เพราะไม่คุ้มกับการถูกชาวโลกประณามอย่างเกาหลีเหนือหรือซาอุฯ แต่รัฐไทยฉลาดอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ทำไมจึงเกิดมาแล้ว 9 ราย โดยเฉพาะ 2 ผู้ติดตามสุรชัย ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ใส่กุญแจมือคว้านท้องยัดเสาปูนทิ้งศพลงแม่น้ำโขง โดยรัฐบาลก็ไม่ใส่ใจติดตามสอบสวนจริงจัง ทำให้คดีอุ้มฆ่าอุ้มหายสูญหายไปแบบอมพะนำ
เพราะอย่างนี้ #saveวันเฉลิม จึงพุ่งปรี๊ดแผ่กว้างเกินกว่าที่รัฐไทยคาด ไม่ใช่แค่พวก “ชังชาติ” คนรุ่นใหม่ พรรคการเมือง แต่ไปถึง NGO คณาจารย์ ฮิวโก้ มารีญา เพราะนอกจากมันจะเกิดขึ้นซ้ำซ้อน อุกอาจ ใจกลางกรุงพนมเปญ ต่อหน้าคนจำนวนมาก ระหว่างคุยโทรศัพท์กับพี่สาว เป็นเหตุสะเทือนขวัญสะเทือนใจ

มันยังเกิดความรู้สึกร่วมว่า เราอยู่ใต้ระบอบอำนาจที่ไม่มีหลักนิติรัฐ ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ซ้ำยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ตามอารมณ์ ใครที่วิจารณ์อำนาจ อาจเกิดภัยมาถึงตัวได้ทุกคน ทั้งในรูปแบบของกฎหมาย กึ่งกฎหมาย นอกกฎหมาย แม้ยังไม่ถึงขั้นวันเฉลิม เพราะการอุ้มคนในประเทศ รัฐไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบ อย่างน้อยก็ต้องสอบสวนดำเนินคดี
แต่กรณีจ่านิว ถูกซ้อมปางตาย ก็เกิดขึ้นแล้วโดยตำรวจไทยจับมือใครดมไม่ได้
มันเกิดจากความรู้สึกร่วมว่า สิทธิมนุษยชนในประเทศนี้ตกต่ำลง คนไทยต้องอยู่ใต้คำสั่ง แม้คำสั่งนั้นไม่มีเหตุผล อยู่ใต้กฎหมายพิเศษ แต่อ้างว่าคนทั่วโลกเขาก็มี จำกัดสิทธิเสรีภาพโดยรัฐ บังคับให้เป็นคนหัวอ่อน ถ้าเชื่อฟังรัฐ รอความช่วยเหลือจากรัฐ ก็ไม่ต้องเดือดร้อน เพราะยังมีน้ำใจไทย
ในที่สุด สิทธิมนุษยชนในประเทศนี้ก็กลายเป็นสิ่งจอมปลอม จนเป็นวาระแห่งชาติ โดยคณะรัฐมนตรี ทูตสันถวไมตรีองค์กรผู้ลี้ภัยก็มีหน้าที่ถ่ายภาพซาบซึ้งกับเด็ก ขอบริจาคให้ผู้ลี้ภัย แต่ขอไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง การละเมิดสิทธิเสรีภาพที่ทำให้เกิดผู้ลี้ภัย
เราอยู่ในระบอบที่ไม่มีนิติรัฐ แต่มีกฎหมายบังคับ แล้วแต่จะใช้ไปทางไหน เช่น นักศึกษาออกไปผูกโบสีขาว ก็ถูกจับฐานผิด พ.ร.บ.ความสะอาด ยิ่งอ้างว่ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าใช้กฎหมายอย่างไร้สาระ
#saveวันเฉลิม จึงไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว แต่เป็นเรื่องการปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยระบบกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นคนเห็นต่าง ผู้ต้องหา หรือผู้หลบหนี ดังที่คณาจารย์นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ระบุไว้ในแถลงการณ์
ถ้ายังไม่ตระหนักถึงอารมณ์ความรู้สึกประชาชน ในสถานการณ์ที่ประเทศยิ่งเข้าสู่วิบัติ ทั้งทางเศรษฐกิจสังคม ระบอบอำนาจที่ไม่ยอมปรับตัว จะนำประเทศไปอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน