FootNote:นวัตกรรม อันกลายเป็น “อาวุธ” การต่อสู้ ของ เยาวชน”ปลดแอก”
ภาพแห่งการเคลื่อนขบวนของ”ราษฎร”จากสามย่านมิตรทาวน์ไปยัง สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย บนถนนสาทร ยาวเหยียดราวกับสายน้ำอันแน่นหนาและเชี่ยวกราก
ไม่แตกต่างกับภาพที่เคยเห็นการเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม
และไม่แตกต่างเลยกับภาพที่เคยเห็น เมื่อมีการเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม
นั่นก็คือยังดำรงความแน่นเหนียว คึกคัก หลากหลายและมาก ด้วยสีสันในทางการเมือง
ที่เคยโหมประโคมว่าการเคลื่อนไหวของเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา จะถดถอยและฝ่อลงตามกระแสปฏิบัติการไอโอ ด้านการข่าวนับแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นมา
กลับกลายเป็นการมโนเป็นจินตนาการอันเลื่อนลอยว่างโหวง
แม้ว่าจะมีการจัดม็อบมาวางบริเวณหน้ารัฐสภา แม้ว่าจะมีการจัดม็อบไปตัดไม้ข่มนามก่อนขบวนจะเคลื่อนในตอนเย็น
Advertisement
จากนี้จึงเท่ากับยืนยันให้เห็นว่า มาตรการรุนแรงด้วยการคุกคาม และจับกุมบุคคลอันคิดและประเมินว่าเป็น”แกนนำ” ไม่ว่า นายอานนท์ นำพา ไม่ว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เป็นต้น
ไปคุมขังและไม่ยอมให้มีการประกันตัว หรือประกันตัวคดีหนึ่งก็มีอีกคดีรออยู่นั้น
เด่นชัดอย่างยิ่งว่า 1 ไม่สามารถก่อความหวาดหวั่นท้อแท้ ให้กับบรรดาบุคคลอันได้รับการประเมินว่าเป็น”แกนนำ” เด่นชัดอย่างยิ่งว่า 1 มวลชนก็ไม่ได้เลิกร้างถอยห่างออกไป
ตรงกันข้าม ยิ่งออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง ยิ่งลงมือใช้น้ำผสมสารเคมีฉีดเข้าใส่มวลชนด้วยความรุนแรงเหี้ยมโหด มากเพียงใด ยิ่งสร้างความโกรธแค้นและเรียกคนเข้าร่วมคึกคัก
จำนวนมวลชนตลอดเดือนตุลาคมจึงมีแต่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น
มาตรการของกลไกอำนาจรัฐที่มาดหมายจะเปิดเกม “รุก”กลับ กลายเป็นการ”ตั้งรับ”ในทางการเมืองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
จุดเด่นเป็นอย่างมากของการเคลื่อนไหวครั้งนี้นอกจากสะท้อนให้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของ”เยาวชน”แล้วที่สำคัญภายในการเคลื่อนไหว ยังนำเสนอนวัตกรรมใหม่ในทางการเมือง
สร้างความสับสน สร้างภาวะปั่นป่วน ไปไม่เป็นอย่างเด่นชัด
ตราบใดที่ยังไม่สามารถเข้าใจความเป็นจริงของ”เยาวชน”ก็ยากอย่างยิ่งที่จะสามารถบริหารจัดการการเคลื่อนไหวได้
โอกาสที่จะเกิดภาวะเพลี่ยงพล้ำตามมาจึงมีสูงอย่างสูงยิ่ง