บทบรรณาธิการ : ทบทวนผลลบ

ทบทวนผลลบ : กรณีสมาชิกพรรคฝ่ายรัฐบาลเดินหน้าแจ้งความฟ้องร้องสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ว่า ม.112 อาจถูกใช้ในทางการเมืองมากกว่าเรื่องอื่นใด

หากไม่ช่วยกันติติงและเหนี่ยวรั้ง จะยิ่งทำให้กฎหมายที่ควรจะจำกัดความร้ายแรงกลายเป็นกฎหมายที่ใช้แพร่หลาย เต็มไปด้วยเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ความคิดเห็นเฉพาะตัว มากกว่าความเป็นเหตุเป็นผล

ทำให้การทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลที่ควรจำกัดขอบเขตอยู่ในประเด็นการเมืองกลายเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงเชื่อมโยงถึงสถาบัน

ทั้งที่ไม่ควรและไม่จำเป็น

การที่ม.112 กลับมาแพร่หลายในทางคดี ปรากฏชัดเจนนับจากคำประกาศของนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ขณะรัฐบาลเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาล

จากนั้นมามีผู้ถูกดำเนินคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพิ่มขึ้นเกิน 55 ราย

เจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุเองว่า คดีดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนมานี้ ส่วนหนึ่งเพราะมีประชาชนมาแจ้งความ

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่จะต้องรับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพราะหากไม่ดำเนินการใดๆ อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ว่าด้วยการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ภาวะดังกล่าวที่กฎหมายถูกใช้อย่างแพร่หลายจึงเป็นข้อขัดแย้งที่ขยายวงกว้างออก ไปเรื่อยๆ

การเพิ่มจำนวนคดีที่มีผู้ถูกฟ้องร้องมากขึ้นนี้ทำให้รัฐบาลนานาประเทศ รวมถึงสหประชา ชาติ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป แสดงความวิตกถึงสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยของไทย

ความวิตกดังกล่าวอาจมีผลเป็นเงื่อนไขให้ไทยมีสถานะลำบากขึ้นบนเวทีโลก

ทั้งที่ช่วงเวลาปีสองปีจากนี้เป็นช่วงสำคัญยิ่งสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

แต่การใช้กฎหมายที่มีบทลงโทษร้ายแรงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งสะท้อนถึงความผิดปกติในประเทศไทย จนเป็นเรื่องยากที่ประเทศประชาธิปไตยจะทำความเข้าใจหรือยอมรับได้

รัฐบาลต้องพิจารณาใคร่ครวญและทบทวนผลลบจากการเปิดทางให้ใช้กฎหมายนี้อย่างจริงจัง ทั้งกับคนใกล้ตัวและบุคคลทั่วไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน