FootNote : บทบาท สถานะ ผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อไทย ในยุคปรับ สร้างสรรค์

คะแนนไว้วางใจไม่ว่าที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ ไม่ว่าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ มิได้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะว่าโดยรวมแล้วพรรคร่วมรัฐบาลมี ส.ส.อยู่ในมือมากกว่า 270 คน
เหนือกว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านที่มีส.ส.อยู่ในมือโดยพื้นฐาน 211 คน โดยมีปรากฏการณ์ “งูเห่า” เป็นเหมือนตัวแปร
แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านภายใต้การนำของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความเข้าใจและปรับตัวเข้ากับสภาพความเป็นจริงทางการเมืองได้เป็นอย่างดี น่ายกย่อง
กระบวนการตระเตรียมในการจัดประเด็น วางเนื้อหาและมอบหมายให้แต่ละพรรคเข้ารับผิดชอบ หากมองอย่างเปรียบเทียบกับการอภิปรายทั่วไปเมื่อปี 2563 ถือว่าพัฒนาและยกระดับเด่นชัด
เป็นความเด่นชัดในการประสานและร่วมมือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพันธมิตรอย่างพรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย อย่างเป็นระบบ
การครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่ “เปิดแผล” หากยังสามารถ “ปักชะนัก” ลงไปในแต่ละแผลอย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็นแผลว่าด้วย “เหมืองทองอัครา” ไม่ว่าจะเป็นแผลว่าด้วยการหลีกเลี่ยง “ภาษีเงินได้” และการรับประโยชน์มากกว่าที่ ป.ป.ช. กำหนด ว่าจะเป็นแผลว่าด้วยยุทธศาสตร์ “วัคซีน”
การเปิดแผลว่าด้วย “บ่อนการพนัน” สามารถโยงไปยังการแสวงหาผลประโยชน์อันกลายเป็นต้นตอแห่งปัญหา
การเปิดแผลว่าด้วยการฉ้อฉลใน “องค์การคลังสินค้า” การเปิดแผลว่าด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนในโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ไม่เพียงยืนยันถึงบทบาทของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์
หากยังตอกย้ำให้เห็นถึงกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์ผ่านรูปแบบที่ดึกดำบรรพ์อันมีพื้นฐานมาจาก “ประชาธิปไตยทุจริต” ของพรรคการเมืองบางพรรคอย่างเด่นชัดถึงแก่น
รวมถึงการกล่าวสรุปอย่างคมชัดตรงเป้าจาก 2 พรรคสำคัญ
ไม่ว่าจะมาจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะมาจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว แห่งพรรคเพื่อไทย

ความสำเร็จจากญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่สร้างสรรค์ของพรรคเพื่อไทยในการปรับและสร้างมิติใหม่อันจะเป็นผลดีในกาลอนาคต
เป็นความสำเร็จจากการเปิดรับ “ข้อดี” จากพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยจิตใจอันกว้างขวางและเป็นผู้นำฝ่ายค้านอย่างเป็นจริง

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน