FootNote:กระแส ต่อต้าน การฉีด “วัคซีน” กับ ความเชื่อมั่น ต่อ “รัฐบาล”

แม้ข้อเสนอจากบางภาคฝ่ายให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น “พรีเซ็นเตอร์” เชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมในการฉีดวัคซีนจะดำเนินไปในลักษณะประชดประเทียด

แต่ก็ต้องยอมรับว่า “ปฏิกิริยา” อันเนื่องจากการต่อต้านการฉีดวัคซีนกำลังเป็น “กระแส” ที่ร้อนแรงยิ่งในสังคม

ไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างที่ประชาชน ซึ่งเข้าร่วมในโปรแกรมของ “หมอพร้อม” เป็นจำนวนอันน้อยนิด ยิ่งเมื่อเทียบกับประชากรส่วนใหญ่ หากดูจากตำรวจเรือนแสนที่เข้าร่วมไม่กี่หมื่นก็น้อยยิ่งนัก

ทั้งๆที่หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในทางสากล การเข้าร่วมฉีดวัคซีนเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติยิ่ง ไม่ว่าสหรัฐ ไม่ว่าอังกฤษ ไม่ว่าสิงคโปร์

ตรงกันข้าม แม้ความเรียกร้องต้องการ “วัคซีน” จะเกิดขึ้นสูงเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ไม่ต้องการวัคซีนยี่ห้อซึ่งตระเตรียมไว้โดย “รัฐ”

คำถามก็คือ เหตุปัจจัยอะไรทำให้เกิดกระแสต้าน “วัคซีน” ขึ้น

ต้องยอมรับว่า นโยบายในการจัดหาและตระเตรียม “วัคซีน” ของรัฐบาลสร้างความแคลงคลางกังขาเป็นอย่างสูง

มีการเตือนจาก “ผู้หวังดี” ตั้งแต่เดือนมกราคม

เป็นการเตือนว่าแนวทางการจัดหาและตระเตรียมของรัฐบาลทำให้ประเทศตกอยู่ใน “ความเสี่ยง” เป็นอย่างสูง เพราะเป็นการจัด หาและตระเตรียมในแบบ “แทงม้าตัวเดียว”

ผลก็คือ “ผู้หวังดี” ไม่ว่าในแง่ตัวบุคคล ไม่ว่าในแง่คณะ ถูกมองจากรัฐบาลว่าเป็นผู้ก่อกวน ประสงค์ร้ายในทางการเมือง ด้วยการแจ้งข้อหาผ่านประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116

แม้กระทั่งในเดือนเมษายนเมื่อรัฐบาลเปลี่ยนนโยบาย และแนวทางในเรื่องวัคซีนเป็น 360 องศาแล้ว แต่การแจ้งข้อกล่าวหาระบุโทษก็ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม

ความไม่เป็นธรรมจากการปฏิบัติที่แสดงเจตนาเช่นนี้ย่อมสร้าง ความไม่พอใจให้เกิดขึ้นในทางสังคม

แม้รัฐบาลจะกุมกลไกอำนาจรัฐอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง แต่จากกรณีของ “วัคซีน” ชี้ให้เห็นว่า กระแสของ “สังคม” ไม่ได้คล้อยตามความเชื่อมั่นของรัฐบาล

ปมแห่งความเชื่อมั่นต่างๆที่ทำให้กลายเป็นปัญหาแม้กระทั่งต่อกรณีของ “วัคซีน” กระทั่งกลายเป็นการปฏิเสธอย่างทั่วถึง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน