FootNote : แนวโน้ม เลือกตั้งใหม่ ต้นปีหน้า ยุทธการ”แยกกันเดิน รวมกันตี”
การหลุดคำว่า “เลือกตั้งปีหน้า” อันมาจากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อเดินทางไปตรวจราชการน้ำท่วมที่พระนครศรีอยุธยา
เหมือนกับจะเป็นอาการพลั้งเผลอและสามารถแก้ตัวได้ทันท่วงทีจากคำว่า “ปีโน้น” อย่างฉับพลันทันใด
แต่ก็ได้กลายเป็นอาการหลุดซึ่งสัมพันธ์อยู่กับตะกอนแห่งความเชื่อที่นอนก้นอยู่ภายใต้ “จิตใต้สำนึก” อย่างแนบแน่นเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
เนื่องจากสถานะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มิได้เป็นเพียง รองนายกรัฐมนตรี มิได้เป็นเพียงหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หากแต่สามารถต่อสายยาวไปยังขุมแห่งอำนาจที่กุมกลไกในปัจจุบัน
เมื่อประสานเข้ากับการเดินสายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นอย่างจำหลักหนักแน่น
เพราะนี่คือการตระเตรียมสร้างพื้นฐานสำคัญในการหาเสียง
แม้ว่าภายในแต่ละจังหวะก้าวของการเคลื่อนไหวจะสะท้อนร่องรอยแห่งความขัดแย้ง แตกแยกออกมาไม่ขาดสายก็ตาม
บรรดาเกจิทางการเมืองจึงเตือนให้ตระหนักในสัญญาณหลายสัญ ญาณที่เกิดขึ้นตลอดสองรายทาง เริ่มตั้งแต่ทิศทางการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญที่เน้นแบบวิธีของการเลือกตั้ง
สิ่งนี้เกิดขึ้นและดำรงอยู่พร้อมกับข่าวที่ว่าจะมีการแยกตัวออก ไปจัดตั้งพรรคใหม่ในลักษณะ “แยกกันเดิน”
ความปั่นป่วนวุ่นวายที่เห็นและเป็นอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ จึงอาจเสมอเป็นเพียงเป้าหมายหลอก เพื่อตรวจสอบขุมกำลังในมือและตระเตรียมในการขยายและสร้างฐานใหม่
นั่นก็คือฐานการเมืองหนึ่งอยู่ในการกำกับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
อีกฐานการเมืองหนึ่งอยู่ในมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หากดูจากวอลเปเปอร์ที่ปรากฏให้เห็นไม่ว่าที่สมุทรปราการ ชัยนาท ชลบุรี และล่าสุดจากการประชันพลังของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ระหว่างเพชรบุรีกับพระนครศรีอยุธยา ตามด้วยการประชันชื่อรัฐมนตรีในการปรับครม.
ย่อมเห็นอย่างเด่นชัดว่าใครเป็นใครในสาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใครเป็นใครในสาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
คำถามก็คือจะดำเนินไปในแนว “แยกกันเดินรวมกันตี” หรือไม่
