มีผลบังคับใช้แล้ว พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.2565 จุดประสงค์คือประชาชนจะได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า สามารถตรวจสอบความคืบหน้าการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมได้
รัฐบาลระบุว่า พ.ร.บ.นี้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และแผนการปฏิรูปประเทศที่นายกรัฐมนตรีให้แนวทางไว้
ซึ่งการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม มีขั้นตอนปฏิบัติเพื่อกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน คือ 1.มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกำหนดระยะเวลาดำเนินงาน
และ 2.ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมสร้างระบบการตรวจสอบ แจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนตรวจสอบว่าเรื่องที่ใช้บริการ หรือเกี่ยวข้องดำเนินงานไปถึงขั้นตอนใด
สาระสำคัญกฎหมายนี้คือช่วยลดขั้นตอน ความยุ่งยากซับซ้อน และเป็นกลไกให้ประชาชนติดตามความคืบหน้าของคดีได้โดยสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
รวมทั้งยังมีกลไกช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ เป็นการลดภาระและอุปสรรค พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดระบบติดตาม ตรวจสอบ และแจ้งความคืบหน้าให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ
สำหรับหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจดำเนินงาน ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ศาล อัยการ และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
Advertisement
นับเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับความยุติธรรม จึงผลักดันกฎหมายเพื่อลดขั้นตอนและความยุ่งยากซับซ้อน ดังภาษิตกฎหมายที่ว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม
โดยทันทีที่พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ คณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม 2553 (คปช.53) เข้ายื่นหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เร่งรัดสำนวนชันสูตรพลิกศพอีก 62 ราย ที่เสียชีวิตเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553
เพื่อส่งสำนวนให้ศาลไต่สวนหาสาเหตุการตาย ดังที่ก่อนหน้านี้ศาลมีคำสั่งไปแล้ว 17 ศพ ในจำนวนนี้รวมถึงกรณี 6 ศพวัดปทุมวนาราม ถูกกระสุนปืนเจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้ เสียชีวิต ล่วงมากว่า 12 ปี คดียังไม่เข้าสู่การพิสูจน์ในชั้นศาล
ดังนั้น จึงคาดหวังว่าการใช้ประโยชน์จากพ.ร.บ.ดังกล่าว จะครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนที่สูญเสียจากการก่ออาชญากรรมโดยรัฐด้วย
