FootNote:บทสรุป จาก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เสียงต่าง กับ อดิศร เพียงเกษ
ในความเอะอะโฉ่งฉ่างของ นายอดิศร เพียงเกษ ในความมั่นใจเป็นอย่างสูงจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อมองผ่านม่านควันแห่งอาการกระจายฟุ้งภายในพรรคเพื่อไทย
คนจำนวนไม่น้อยรอคอยฟังความเห็นจากคน 2 คน 1 คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง 1 คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่ามอง “ปัญหา” และ “อาการ” อันบังเกิดขึ้นไปในทิศทางใด
เพราะว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง ถือได้ว่าเป็นคนร่วมสมัยไม่ เพียงแต่กับ นายภูมิธรรม เวชยชัย หากแต่เคยร่วมอยู่ในร่มธงเดียวกันกับ นายอดิศร เพียงเกษ ในพรรคความหวังใหม่
เพราะว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่เพียงแต่จะเข้ามาอยู่พรรคไทยรักไทย ระยะใกล้เคียงกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หากแต่ยังร่วมเคลื่อนไหวในนามของ “นปช.” อย่างถึงเลือดถึงเนื้อ
ทุกคนย่อมอยากรู้ว่าเมื่อ นายอดิศร เพียงเกษ ออกมา “เอ็กเซอร์ไซส์” อย่างนี้มุมมองของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง จะเห็นเป็น อย่างไร เมื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาฟันธงอย่างนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะมองไปในทางสายเดียวกันหรือไม่
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อาจหมกมุ่นอยู่กับ “ภาษาลู” การโพสต์ข้อความของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จึงร้อนแรงขึ้นมา
เป็นความร้อนแรงในลักษณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มิได้บ่งชี้อะ ไรในวิถีการสรุปแบบของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และมิได้ต้องการ ปะทะกับ นายอดิศร เพียงเกษ
เพียงแต่ต้องการให้บทบาทและความหมายแก่ตัวแทนของ พรรคเพื่อไทยที่แสดงบท “ผู้เจรจา”
หากแหลมคมหน่อยก็ตรงที่เห็นว่าสมควรสละตำแหน่ง “ประธานสภา” ให้กับพรรคอันดับ 1 อันย่อมหมายถึงเป็นของพรรคก้าวไกล
ดำรงอยู่บน “หลักคิด คือคะแนนน้อยกว่า แต่ใจไม่ได้เล็กกว่า แพ้ให้คมแล้วสร้างชัยชนะขึ้นใหม่” เพราะ “เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย”
ความเห็นของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็คือหาก “ฟรีโหวต” ฝ่ายรัฐบาล “เดิม” จะแทรกเข้ามาชัยชนะของประชาชนจะลับหาย
แม้จะมีการออกข่าวในลักษณะอ้างอิงว่าร้อยละ 90 ของพรรคเพื่อ ไทยต้องการตำแหน่ง “ประธานสภา” แต่ท่าทีของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อยู่ในกลุ่มร้อยละ 10
มั่นใจได้เลยว่าภายในร้อยละ 10 นี้มี นายจาตุรนต์ ฉายแสง
เด่นชัดว่าปัญหาอันเกี่ยวกับตำแหน่ง “ประธานสภา” เป็นปัญหาอันดำรงอยู่ภายในของพรรคเพื่อไทย คำถามอยู่ที่ว่าเมื่อผ่าน การหารืออย่างรอบด้านบทสรุปจะออกมาอย่างไร
นี่ไม่เพียงแต่ขึ้นกับอนาคตของพรรคฝ่าย “ประชาธิปไตย” หากหมายถึงอนาคตของพรรคเพื่อไทย
