FootNote : สถานะ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ภายใต้ “อาณัติ” ประชาชน
ความนิ่งเงียบอันมาจากพรรคก้าวไกล อันมาจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังถูกแปรเป็น “อาวุธ” อันทรงพลังและกลายเป็นพลานุภาพในทางการเมืองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
คล้อยหลังท่าทีอันแข็งกร้าวจากพรรคเพื่อไทยที่มาดหมายต่อตำแหน่ง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร”
นี่เป็นท่วงทำนองเดียวกันกับที่พรรคก้าวไกลโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แสดงออกอย่างต่อเนื่องภายหลังจากผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาในวันที่ 14 พฤษภาคม
รูปธรรมแรกสุดก็คือ การออกมา “ขอบคุณ” ชาวกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วเคลื่อนขบวนไปยังลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
จากนั้นก็เดินสาย “ขอบคุณ” ประชาชน โดยถือเอาแต่ละเป้าหมายที่ได้รับเลือกอย่างท่วมท้น ไม่ว่าจะเป็นระยอง ไม่ว่าจะเป็นนนทบุรี ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต และรวมถึงลำปาง เชียงใหม่
เป็นการเดินสาย “ขอบคุณ” ท่ามกลางการออกมาต้อนรับในแบบมืดฟ้ามัวดินจากประชาชน กระทั่งกลายเป็นพลานุภาพอันทรงความหมายเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
สะท้อนว่านี่คือ ผนังทองแดงกำแพงเหล็กอย่างทรงพลัง
หากติดตามบทบาทของพรรคก้าวไกล หากติดตามบทบาทของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็มิได้มีอะไรที่เวิ่นเว้อ ตรงกันข้าม เป็นการแสดงความ “ขอบคุณ” ประชาชน
กระนั้น หากมองอย่างเปรียบเทียบผ่านกระบวนการสกัดและขัดขวางต่อชัยชนะของพรรคก้าวไกลก็ย่อมละเอียดอ่อน
ไม่ว่าจะเป็นการสกัดขัดขวางโดยกลไกจากพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามที่พ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง และเสียงคำรามอันดังมาจากภายใน 250 ส.ว.
ภาพเทียบอย่างมีนัยสำคัญก็คือ บทบาทของปรปักษ์ทางการเมืองเหล่านั้น ดำรงอยู่บนฐานแห่งอำนาจรัฐประหารและความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้ง จำนวน 14,233,875 ล้านเสียงอันพรรคก้าวไกลได้มาจากทั่วประเทศต่างหากคือรากฐานแห่งการเคลื่อนไหว
ภายในความเงียบ ภายในการเคลื่อนไหวบนฐานแห่งมวลชนอันไพศาลของพรรคก้าวไกลที่นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงก่อรูปขึ้นเป็นพลังขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เป็นรูปแห่งผนังทองแดง กำแพงเหล็กในทาง “ความคิด”
เป็นรูปแห่งการเปรียบเทียบกับการดำรงอยู่ของ “ระบอบ” ซึ่งเริ่มถูกปฏิเสธจากคนส่วนใหญ่ผ่านกระบวนการเลือกตั้งที่แม้จะยังมิได้เป็นกฎกติกาอันเสรีและเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง
รากฐานที่อยู่กับประชาชนนี้เองที่จะคอยปกป้องและคุ้มครองพรรคก้าวไกลและ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ว่าจะดำรงอยู่ในฐานะ “รัฐบาล” หรือ “ฝ่ายค้าน”
