FootNote จังหวะก้าว ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขยายผล จาก รัฐบาลพิเศษ

เหตุปัจจัยอะไรทำให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกมาเรียกร้องให้ปลดพันธนาการเรื่องคดีความให้คนทุกฝ่ายที่เห็นต่าง เคลื่อนไหว ต่อสู้ทางการเมืองตลอดหลายปีที่ผ่านมาในวันที่ 19 กันยายน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ย้ำเน้นอย่างเป็นพิเศษไปยัง “เยาวชนคนหนุ่มสาว”

อย่าลืมเป็นอันขาดว่าวันที่ 19 กันยายน 2566 ตรงกับเหตุรัฐประหารของคมช.วันที่ 19 กันยายน 2549 โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อ 17 ปีก่อน

อันเป็นการฟื้นความทรงจำรำลึกไม่เพียงแต่การรัฐประหาร ครั้งนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย อันมี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ประการเดียว

หากแต่ยังเป็นมูลเชื้อก่อและขยายความขัดแย้งที่แม้ว่าจะมี การรัฐประหาร “ซ้ำ” อีกคำรบหนึ่งโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนพฤษภาคม 2557 เพื่อดำเนินการต่อทางการเมือง

กระนั้น ผลจากเชื้อร้ายแห่งความขัดแย้งก็ยังดำรงอยู่บนพื้น ที่เด่นชัดจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ชี้ว่าประชาชนต้องการให้ความขัดแย้งจบสิ้นลงเพื่อเปลี่ยนประเทศ

แม้สามารถจัดตั้ง “รัฐบาลพิเศษ” ขึ้นได้แล้ว แต่ผลแห่งความขัดแย้งอันเป็นความอัปลักษณ์ในทางการเมืองก็ยังค้างคาอยู่








Advertisement

หากพิจารณา “น้ำเสียง” อันมาจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่เน้นอย่างเป็นพิเศษไปยัง “เยาวชนคนหนุ่มสาว” ก็จะสัมผัสได้ในความอาทรห่วงหาอย่างลึกซึ้ง

นั่นก็คือ ลูกหลานที่ยังติดคุกจะได้ออกมา ที่อดอาหารอยู่ในคุกจะได้คืนสู่อิสระ ที่ลี้ภัยต่างแดนจะได้กลับบ้าน

อันเท่ากับเป็นการขยายผลจาก “กรณี 22 สิงหาคม”

ไม่ว่าการเดินทางจากสิงคโปร์มายัง “ดอนเมือง” ไม่ว่าการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่สับปายสถาน ณ “เกียกกาย”

นั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งการก้าวข้ามความขัดแย้ง ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “รัฐบาลพิเศษ” ของความร่วมมือระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ

เท่ากับสลายความขัดแย้งอันเริ่มจากเดือนกันยายน 2549

ต้องยอมรับว่า หากไม่มีรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก็คงไม่มีการต่อสู้อันนำไปสู่สถานการณ์ล้อมปราบใหญ่ต่อคนเสื้อแดงในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553

และหากไม่มีรัฐประหาร “ซ้ำ” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็คงไม่มีการลุกขึ้นมาต่อสู้ของเยาวชนคนหนุ่มสาว ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 กระทั่งนำไปสู่การจับกุมอย่างต่อเนื่อง ยืดเยื้อมาแม้หลังการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2566

ข้อเสนอของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จึงเท่ากับเป็นการประมวลปัญหาในทางการเมืองและเห็นว่านิรโทษกรรมคือทางออกร่วม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน