FootNote : ความศักดิ์สิทธิ์ แห่ง “มติพรรค” กับพลังกดดัน ในทางการเมือง
มติพรรคก้าวไกลต่อกรณี 2 สส.ที่ถูกกล่าวหาการคุกคามทางเพศ อันมาจากคณะกรรมการบริหารพรรค ประสานเข้ากับที่ประชุมร่วมกับ สส.อาจมีความเด่นชัดในการลงโทษ
หากเป็นมติจากพรรคการเมืองอื่นอาจได้รับคำชมเชยเห็นว่ามีความเหมาะสม แต่เมื่อเป็นของพรรคก้าวไกลกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ความไม่เป็นเช่นนั้นนั่นแหละคือเอกลักษณ์แห่ง “ก้าวไกล”
ประกอบกับมติของพรรคกับท่าทีและการแสดงออกของ สส.ที่อยู่ในข่ายแห่งการลงโทษว่า กระทำความผิดมีรายละเอียดบางประการไม่เป็นเอกภาพกัน
เพียงไม่กี่วินาทีภายหลังคำแถลงมติพรรค โดยหัวหน้าพรรคก็ปรากฏ “ปฏิกิริยา” ด้วยความร้อนแรงและแหลมคมตามมาอย่างฉับพลันทันใด
ไม่เพียงแต่จากบรรดาสส.ซึ่งร่วมรับรู้มติอยู่ในที่ประชุม โดยเฉพาะ สส.อันเป็นตัวแทนของ LGBTQ+ และ สส.หญิงที่ไม่เห็นด้วยกับมติที่ออกมาเช่นนั้นเท่านั้น
หากบรรดาสมาชิกพรรคส่วนหนึ่งก็รับไม่ได้กับมติ และได้เคลื่อนไหวในลักษณะกดดันอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายคือ ต้องการให้ สส.รับผิดชอบโดยการลาออก
ปฏิกิริยาเช่นนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นลักษณะเฉพาะอันเท่ากับ ยืนยันเอกลักษณ์ความเป็นพรรคก้าวไกลเท่านั้น หากแต่ยืนยันว่าองค์ประกอบภายในพรรคมีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างสูง
ขณะเดียวกัน ก็หมายความด้วยว่า “มติพรรค” มิได้สร้างเอกภาพขึ้นมาได้อย่างฉับพลันทันใด
ในเมื่อความชัดเจนจากการสอบสวนของคณะกรรมการวินัย คือมีความผิดและเป็นความผิดร้ายแรง แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาระหว่างกรรมการบริหารกับสส.ความหนักเบาในการลงโทษต่าง
ความหนักเบานี้มีเส้นแบ่งอยู่ที่คนหนึ่งถูกขับพ้นพรรคในทันที แต่อีกคนหนึ่งมี สส.อย่างน้อย 22 คนเสนอให้ออกมายอมรับผิดขอโทษ และแสดงความรับผิดชอบ
มติอันมาจากสส. 22 คนนี้เองคือประเด็น ท่าทีของ สส.ที่ทำความผิดก็กลายเป็นปมอันท้าทายต่อมติพรรคเป็นอย่างสูง
หาก สส.ที่มีความผิดปฏิบัติตามมติและระเบียบการพรรค พรรคก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะยืนยันการลงโทษขั้นร้ายแรง แต่ท่าทีอันเกิดจากภายในพรรคก็มีความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
เพราะหากไม่มีการสรุปก็จะกลายเป็น “ประเด็น” สู่ภายนอก
ไม่ว่าในเรื่องความไว้วางใจต่อสังคม ไม่ว่าในเรื่องบรรทัดฐานอันสร้างความศรัทธา ไม่ว่าในเรื่องสถานะและความมั่นคงของพรรคที่นับวันจะเติบใหญ่และขยายตัว
ปัญหานี้จึงไม่เพียงแต่เสนอต่อ “ผู้มีความผิด” หากแต่เรียกเร้าและกดดันต่อพรรคก้าวไกลเป็นอย่างสูง
