วันที่ 16 มกราคมของทุกปี เป็นวันครูแห่งชาติ วันสำคัญของคุณครูทั่วประเทศ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2500

หลังจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า

ผู้เป็นครูมีบุญคุณ ผู้ให้แสงสว่างในชีวิต จึงควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณ

จากนั้น จัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันย่างเข้าสู่ปีที่ 68 แล้ว ต่อจากวันเด็กแห่งชาติ วันสำคัญของเด็กๆ ที่จัดขึ้นในทุกวันเสาร์ที่สองของเดือนเดียวกัน

ในทุกปี นายกรัฐมนตรีจะมีคำขวัญเพื่อให้ความสำคัญแก่ครูและยกย่องวิชาชีพครู ซึ่งปีนี้มีว่า ครูวางฐานคิด ส่งเสริมศิษย์สร้างสรรค์

เป็นการเชิดชูครูคือผู้นำความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ แต่ในโลกยุคใหม่ยังต้องใส่ใจสอนวิธีคิด จัดการกับข้อมูลต่างๆ ที่หลากหลายได้ด้วย

เป็นที่ทราบกันดี นอกจากการสอนหนังสือแล้ว ครูยังต้องมีภาระทางครอบครัวด้วย ปัจจุบันมีครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศเกือบ 5 แสนคน

แต่ครูจำนวนไม่น้อยที่ต้องแบกรับภาระหนักทั้งการสอนและงานธุรการไปพร้อมๆ กัน ทำให้ประสิทธิภาพการสอนลดลง ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาไม่ได้คุณภาพ ซึ่งต้องรีบแก้ไขทันที








Advertisement

ผลการสำรวจที่ผ่านๆ มา พบว่าครูไทยทำงานหนัก แต่สอนนักเรียนได้ไม่เต็มที่ เพราะถูกแย่งเวลาไปในงานต่างๆ ที่ไม่ใช่ภารกิจหลักคือการสอน

งานที่แย่งเวลาสอนอย่างมากคือการประเมินต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่การประเมินเลื่อนขั้นวิทยฐานะ รวมถึงงานธุรการ การจัดซื้อจัดจ้าง และงานบัญชีที่ไม่ถนัด

ต้นตอปัญหาดังกล่าว มาจากโครงสร้างการบริหารแบบรวมศูนย์ หน่วยงานส่วนกลางคิดและสั่งดำเนินโครงการต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงผลต่อการสอนของครู

ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้ว ที่ทุกฝ่ายควรจะทบทวนเรื่องงานในสถานศึกษาที่ให้ครูปฏิบัติทุกอย่าง จนทำให้ไม่มีเวลาเอาใจใส่กับการเรียนการสอน และพัฒนาตนเองให้ก้าวทันองค์ความรู้ใหม่ๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน