นายกรัฐมนตรี สั่งการในคณะรัฐมนตรี ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษา ทบทวน มาตรการการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อปรับปรุงรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์
โดยหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายในขณะนี้ ใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 กำหนดจำหน่ายในเวลา 11.00-14.00 น. และเวลา 17.00-24.00 น. ซึ่งสร้างปัญหาให้แก่สถานบริการอยู่ไม่น้อย
ต่อมากำหนดเพิ่มอีก ห้ามจำหน่ายในวันสำคัญทางศาสนา ได้แก่ มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชาและวันออกพรรษา โดยกำหนดให้เป็นความผิดตามกฎหมาย แม้เป็นเจตนาดี แต่ก็ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ดังนั้น การศึกษา ทบทวน และหาทางออกเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นข้อมูลข้อเท็จจริง และเพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย จึงน่าสนับสนุน เนื่องจากข้อกำหนดเดิมนั้นบังคับใช้มากว่า 50 ปีแล้ว
ทั้งนี้ รัฐบาลได้รับหนังสือจากภาคธุรกิจเอกชนรวมถึงสถานประกอบการหลายกลุ่ม เสนอข้อเรียกร้องให้พิจารณาปรับข้อบังคับดังกล่าวให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสังคมปัจจุบัน
จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย ท่องเที่ยวและกีฬา ยุติธรรม และสาธารณสุข ไปศึกษาหาข้อมูลอย่างรอบคอบและรอบด้าน
เพื่อปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมาย ข้อบังคับ หรือประกาศใดๆ ที่ดำเนินการได้ก่อน โดยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มีนาคม 2568 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้
ข้อสั่งการนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำหนักแน่นว่าจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และการป้องกันเยาวชนไม่ให้เข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสม เป็นรูปธรรม สอดรับกับความเป็นจริง
ปฏิกิริยาต่อข้อสั่งการนี้ มีออกมาต่างๆ นานา ทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน แต่ในชั้นนี้เป็นเพียงการสั่งให้ไปศึกษาว่าจะมีหนทางใดบ้างที่จะผ่อนปรนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและการท่องเที่ยว
เพราะรัฐบาลประกาศนโยบายให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year ส่งเสริมการจัดกิจกรรมระดับโลกต่างๆ รวมถึงกิจกรรมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
วางเป้าหมายทั้งในเมืองหลัก เมืองรอง และเมืองน่าเที่ยว ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และสถานบริการต่างๆ ได้รับประโยชน์สูงสุด แต่ติดขัดด้วยประกาศและข้อบังคับที่กล่าวมา ก็จะไม่สอดคล้อง
หากข้อสรุปออกมาอย่างมีเหตุผลรองรับเห็นควรแก้ไข ก็ต้องมีมาตรการรองรับ เน้นหนักการควบคุมเป็นด้านหลัก เช่น การห้ามจำหน่ายแก่บุคคลที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ เข้มงวดการเมาขับ การดื่มในสถานที่ต้องห้ามให้เกิดผลอย่างจริงจังไปพร้อมๆ กัน