คนไทยเจ๋งกว่าทรัมป์

ใบตองแห้ง

ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง คนไทยวิเคราะห์วิจารณ์กันใหญ่ ไม่ยักเหมือนคนจีน ที่บอกวิจารณ์ไปก็เท่านั้น ไม่ต่างจากขันทีเม้าธ์กันเรื่องเซ็กซ์ แต่คนไทยเม้าธ์จนสำเร็จ แล้วบอกว่า ทำเองก็ได้ ไม่มีประชาธิปไตยซะยังดีกว่า

ทรัมป์ชนะ คนไทยบางส่วนดีอกดีใจยิ่งกว่ารีพับลิกัน แซ่ซ้องสดุดีว่านี่คือการ “เปลี่ยนผ่าน” ปิดประเทศ เอางบประมาณกลับไปเลี้ยงดูคนอเมริกัน ไม่มาเที่ยวก้าวก่ายระรานใคร คอลัมนิสต์ใหญ่บางคนชมว่า ปิดประเทศเป็นไปตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีกินมีใช้ก่อน เหลือจึงค่อยนำไปขาย

ดูมาดูไป ยังเห็นทรัมป์คล้ายลุงตู่ พูดจาขวานผ่าซากแต่จริงใจ ชมกันเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่เอ๊ะ ทำไมใครๆ เทียบทรัมป์กับดูแตร์เต งั้นลุงตู่ก็เหมือนดูแตร์เตด้วยใช่ไหม (ไอ้หน้าเหลี่ยมไม่ใช่ นั่นถ่ายรูปกับหุ่นขี้ผึ้ง)

ครั้นคนอเมริกันประท้วงทรัมป์ คนไทยก็สะใจ ไอ้พวกคนเมืองคนมีความรู้ ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ดูถูกคนชนบทคน ชั้นล่าง จลาจลเผาบ้านเผาเมือง ไม่เหมือนเรานะ เรายังให้เวลา “อีปู” ตั้ง 2 ปี 4 เดือน ค่อยปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง

ท้ายที่สุด ก็บอกว่าเห็นไหม ระบอบประชาธิปไตยตัวแทนกำลังวิกฤต ไม่ควรเอาชะตากรรมประชาชนไปชี้ขาดโดยบัตรเลือกตั้ง ให้ คสช.ตั้ง ส.ว.มาเลือกนายกฯ ดีกว่า

สรุปว่าในขณะที่คนอเมริกันขัดแย้งกัน ระหว่างคนเลือกทรัมป์ด้วยนโยบาย “ประชานิยม” เพราะปากท้องต้องมาก่อน กับคนต่อต้านทรัมป์ เพราะเหยียดเพศเหยียดผิวแบ่งชาติพันธุ์ ทำลายคุณค่าประชาธิปไตย คนไทยกลับหัวเราะชอบใจ เพราะเราไม่เอาทั้งสองอย่าง ไม่เอาเลือกตั้ง ไม่เอาสิทธิเสรีภาพ ถอยกลับไปสู่สังคมดั้งเดิมที่มีอารยธรรม 700 ปี

คนไทยไม่เคยยอมรับการเลือกตั้งด้วยนโยบาย “ปากท้องต้องมาก่อน” เพราะประเทศนี้ ความเป็นไทยต้องมาก่อน คนไทยอ้างหลักสิทธิเสรีภาพเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายใช้ ปิดถนน ปิดเมือง ขัดขวางเลือกตั้ง ไม่เป็นไร ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ชาวบ้านถ่ายรูปกับศูนย์ปราบโกง เป็นพวกไม่เคารพกฎหมาย ขึ้นศาลทหาร

คนไทยเลยเย้ยหยันฝรั่งทะเลาะกันเรื่องหลักการ เพราะประเทศนี้ไม่ต้องมีหลักการ ทักษิณมาจากเลือกตั้งด้วยนโยบายประชานิยม แต่เหลิงอำนาจ อำนาจนิยม ก็โค่นล้มด้วยรัฐประหาร ไม่เห็นต้องลำบากหาทางออกด้วยหลักการ ล้มมันทั้งเลือกตั้งและเสรีภาพ ความยุติธรรม ที่เคยอ้างว่าทักษิณย่ำยี

ปัจจัยแห่งชัยชนะของทรัมป์ (นอกจากผ้ายันต์) อีกด้านที่คนไทยไม่ยักพูดกัน คือปรากฏการณ์ปฏิเสธชนชั้นนำทางการเมือง เบื่อระบบ 2 พรรคใหญ่กำกับ รวมทั้งปัจจัยความเหลื่อมล้ำ ทำให้ทรัมป์ชนะ ทั้งที่แหกคอกนอกพรรคตั้งแต่ต้น เช่นเดียวกับปรากฏการณ์เบอร์นี ในเดโมแครต เป็นครั้งแรก ที่นักการเมืองอเมริกันกล้าพูดถึง “สังคมนิยม”ให้คนรุ่นใหม่ฮือฮา

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปออกทีวีบอกว่าประชาชนเบื่อนักการเมือง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ทั้งฝรั่งทั้งไทย อ้าว รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คนไทยไม่เหมือนฝรั่ง เบื่อนักการเมืองกลับหวนหาชนชั้นนำ รัฐทหาร รัฐราชการ

ประชาธิปไตยไม่ใช่สินค้าส่งออกอเมริกัน โถ ฝรั่งไม่ได้เก่งกว่าคนไทย มีอะไรที่เราทำก่อนตั้งหลายอย่าง (เช่น 30 บาทมีก่อนโอบามาแคร์) ความต้องการอำนาจเท่าเทียม เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม เป็นเรื่องของมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ เพียงแต่สังคมเอเชียยกคุณค่าทางศีลธรรม ความดีงาม บุญทำกรรมแต่ง มาปิดกั้น แล้วบอกว่าคนไม่เท่ากัน

คนอเมริกันตัดสินใจเลือกทรัมป์ จากปัญหาปากท้อง และความกลัว ทั้งกลัวอนาคต กลัวความไม่ปลอดภัย ไม่มั่นคง ไม่ใช่คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเหยียดเพศเหยียดผิวแบ่งเผ่าพันธุ์ เพียงแค่ไม่มีตัวเลือกดีกว่าทรัมป์ ไม่ต่างกับ 16.8 ล้านเสียง ซึ่งลงประชามติด้วยความกังวลปัญหาปากท้อง กลัวความวุ่นวายไม่มั่นคง ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ไม่เอาเลือกตั้ง ไม่เอาสิทธิเสรีภาพ ไม่แยแสความยุติธรรม

เพียงแต่มันทำให้คนสุดโต่งซึ่งเอาเข้าจริงเป็นคนส่วนน้อยได้ใจ เหมือนพวกคูคลักซ์แคลนในอเมริกา เป่าปี๊ดๆ ออกมาเดินพาเหรด

ทรัมป์จะบริหารประเทศสำเร็จหรือไม่ ปากท้องเป็นปัจจัยชี้ขาด แต่ถ้าลุแก่อำนาจ สร้างความขัดแย้งแตกแยก การแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ยากไปใหญ่ ทรัมป์คงรู้แก่ใจ อีก 2 ปีมีเลือกตั้งกลางเทอม เดโมแครตยังตีโต้ได้

แต่ใครที่เหมือนทรัมป์นี่สิ ถ้าแก้ปากท้องไม่ได้ ประชาธิปไตยก็ไม่มีทางออก ได้แต่ใช้อำนาจกับความจริงใจเรื่อยไป พวกที่เย้ยหยันฝรั่ง ช่วยบอกหน่อยสิครับ ว่าจะลงเอยอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน