“พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ชี้ โทษประหารชีวิตยังต้องมี เพื่อความสงบสุขและเพื่อเป็นบทเรียนสอนใจ ซึ่งเป็นเรื่องความจำเป็นของเราและความต้องการของประชาชน
19 มิ.ย.2561 จากกรณีที่มีการ “ประหารชีวิต” นักโทษเด็ดขาด ในคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์ การประหารชีวิตครั้งนี้ เป็นการบังคับใช้โทษประหารชีวิตครั้งแรก ในรอบ9ปี นับตั้งแต่ปี2552
โดยตั้ง พ.ศ.2478 ถึงปัจจุบันมีการบังคับโทษประหารชีวิตมาแล้ว จำนวน 325 ราย โดยแยกเป็น 1.การใช้อาวุธปืนยิงจำนวน 319 ราย (ยิงรายสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.46) 2.การฉีดยาสารพิษ จำนวน 6 ราย (ฉีดสารพิษครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.46 และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ส.ค.52)
โดยหลังมีข่าวการประหารชีวิตครั้งนี้ มีความเห็นมากมายจากทั้งคนทั่วไป และองค์กรสิทธิมุนษยชน ทั้งในและต่างประเทศ มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย จากทั้งฝ่่ายรัฐบาล และประชาชนทั่วไป
- อ่าน : แอมเนสตี้ ซัด น่าละอายไทยประหารชีวิตรอบ 10ปี ขัดกติกาโลก-ย่ำยีความเป็นคน
- อ่าน : “อังคณา” เชื่อ “โทษประหารชีวิต” ไม่ได้ช่วยให้ ‘อาชญากรรม’ ลดลง!
- อ่าน : ‘วิษณุ’ โต้ ‘แอมเนสตี้’ โทษประหารชีวิต ไม่ขัดต่อกฏหมาย!
ล่าสุด เวลา 14.10น. ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล คัดค้านโทษประหารชีวิตของไทย ว่า
เป็นกฎหมายของเราที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ตอนที่มีการพิจารณาว่าจะยกเลิกโทษประหารหรือไม่นั้น เสียงประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เห็นควรให้มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ซึ่งปัจจุบันมีคดีร้ายแรงหลาย ๆ คดีเกิดขึ้น การมีโทษประหารก็เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุขและเพื่อเป็นบทเรียนสอนใจ ซึ่งเป็นเรื่องความจำเป็นของเราและความต้องการของประชาชน