กกต. ยันต้องคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งก่อน กกต.ชุดใหม่ ไม่ทบทวนซ้ำเพราะใช้งบไปเยอะแล้ว แต่หากมีปัญหาภายหลัง กกต.ใหม่ แก้ไข-เปลี่ยนได้

กกต. – วันที่ 6 ส.ค. นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่จะให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยกกต. ในเรื่องของการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งใหม่นั้น ว่า กระบวนการการแต่งตั้งผู้ตรวจการการเลือกตั้ง กกต. และสำนักงาน กกต. ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเดือน เม.ย. 2561 แล้ว เนื่องจากคาดว่า กกต. ชุดใหม่จะเข้ามาพิจารณาได้ภายในช่วงดังกล่าว แต่ว่าที่ กกต. ชุดนั้น กลับไม่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช.

ดังนั้นก็จะต้องพิจารณาว่าระยะเวลาที่จะต้องแต่งตั้งผู้ตรวจการการเลือกตั้งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ทั้งการคัดเลือก การแต่งตั้ง การประชาพิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งอบรมความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมทั้งเรื่องประกาศระเบียบที่เกี่ยวข้องหลายสิบฉบับ เพื่อให้มีความรู้เรื่องกฎหมาย เพราะการทำงานของผู้ตรวจการการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่เสี่ยง มีโอกาสผิดพลาดจนถูกดำเนินคดีเยอะพอสมควร ซึ่งการที่ กกต.คัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่า จะสามารถปฏิบัติงานได้ภายในเดือน ก.ย. ซึ่งจะเป็นช่วงจังหวะที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยที่มาของ ส.ว. มีผลบังคับใช้

“ไม่ใช่ว่า กกต.ชุดปัจจุบันรีบแต่งตั้ง แต่เป็นกระบวนการที่เราจะต้องรีบทำ หาก พ.ร.ป.ว่าด้วยที่มาของ ส.ว. มีผลบังคับใช้ ผู้ตรวจการการเลือกตั้งจะต้องทำงานทันที และหากกกต. ชุดนี้ไม่ได้แต่งตั้งไว้ ก็จะมีปัญหา ถ้าไม่ทำไว้แล้วเกิดปัญหา กกต.ชุดนี้จะโดนถล่มหนักเลยว่า ทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อย ทำไมละเลยขนาดนี้ บางทีอาจจะถูกกล่าวหาว่า กกต.ชุดปัจจุบันละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลจริงๆ ไม่ได้เป็นการวางอำนาจอะไรเลย อย่างไรก็ตามการสรรหาผู้ตรวจการการเลือกตั้งผ่านจังหวัดมาแล้ว ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีอัยการจังหวัด ผู้บังคับการจังหวัด และบุคคลอื่นๆ อีก ซึ่งมีการกลั่นกรองมาเรียบร้อยแล้ว” นายบุญส่งกล่าว

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า จะมีการแก้กฎหมาย เพื่อปรับโครงสร้างคณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการการเลือกตั้งใหม่ และโละผู้ตรวจการการเลือกตั้งที่คัดเลือกมาแล้ว นายบุญส่ง กล่าวว่า ตนไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว แต่ตนมองว่าไม่ว่าจะสรรหาอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าผู้สมัครผู้ตรวจการการเลือกตั้งยังใช้คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามเหมือนเดิม ก็จะได้คนทำงานที่ไม่แตกต่างกันเลย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ กกต. คงไม่ชี้แจงเหตุผลในการคัดเลือกผู้ตรวจการการเลือกตั้งในครั้งนี้ไปยัง สนช. แต่อย่างใด และยืนยันว่าสิ่งที่ กกต.ชุดปัจจุบันทำไปนั้น ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ หากไม่ทำก็จะเกิดปัญหาได้

เมื่อถามอีกว่า มีการอ้างเหตุผลว่าโครงสร้างการสรรหาผู้ตรวจการการเลือกตั้งอาจถูกแทรกแซงได้จากทางการเมือง นายบุญส่งกล่าวว่า คิดว่าการเมืองเข้ามาแทรกแซงไม่ได้ เพราะหากผู้ตรวจการการเลือกตั้งทำหน้าที่แล้วไม่เป็นกลาง ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต มีอคติ หรือมีคนมาร้องคัดค้าน กกต. ก็สามารถปลดออกจากตำแหน่งได้ทันที แม้ผู้ตรวจการการเลือกตั้งจะมาจาการคัดเลือกของ กกต.ชุดปัจจุบัน แต่หาก กกต.ชุดใหม่เห็นว่ามีปัญหาตามที่ระเบียบกำหนด ก็สามารถเปลี่ยนได้ตามที่ระเบียบกำหนดไว้ ทั้งนี้คิดว่าหากเกิดปัญหาขึ้นภายหลัง กกต.ชุดใหม่ก็แก้ไขได้ ส่วนคำถามว่า หากมีการแก้ไขกฎหมาย แล้วมีการโละผู้ตรวจการการเลือกตั้ง ที่คัดเลือกมาแล้วจะมีผลอย่างไรนั้น นายบุญส่งกล่าวว่า จะต้องดูกฎหมายก่อนว่าเขียนว่าอย่างไร เพราะตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ข่าวที่ออกมาเท่านั้น

เมื่อถามว่า กกต.จะมีการทบทวนสิ่งที่ดำเนินการมาแล้วหรือไม่ นายบุญส่งกล่าวว่า “มันทบทวนได้ที่ไหน หมดงบประมาณไปก็เยอะแล้ว ทำมาโดยชอบตามระเบียบตามกติกาทั้งหมด” ส่วนหากมีการแก้กฎหมาย และส่งผลให้ผู้ตรวจการการเลือกตั้งที่ถูกคัดเลือกต้องเสียสิทธิ ซึ่งถือเป็นการออกกฎหมายที่มีผลย้อนหลังหรือไม่ นายบุญส่งกล่าวอีกว่า ก็เป็นเรื่องของคนที่เสียสิทธิต้องไปว่ากันเอง เพราะคนที่มาสมัครรับการคัดเลือกเป็นผู้ตรวจการการเลือกตั้งทุกคน จะต้องลาออกตำแหน่งเดิมอยู่แล้ว ก็คงจะต้องไปว่ากัน แต่คงไม่ได้เกี่ยวกับกกต. ชุดนี้ เพราะเราทำตามระเบียบที่กำหนดทุกอย่าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน