‘เลขาฯคตช.’ เผย โครงการโตไปไม่โกงได้รางวัลระดับเอเชีย สร้างมิติใหม่ยกระดับค่าซีพีไอร์ของประเทศไทย
16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) แถลงผลประชุมคตช. ที่มีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการของคตช.ในช่วงที่ผ่านมา ที่ตั้งคณะอนุกรรมการด้านต่างๆขึ้นมาจำนวนหนึ่ง เช่น คณะด้านการป้องกันการทุจริต ด้านการปราบปราม ด้านประสานความร่วมมือข้อตกลงคุณธรรม ฯลฯ
ซึ่งคณะอนุกรรมการแต่ละด้านได้นำเสนอผลงาน เช่น โครงการโตไปไม่โกง ซึ่งเป็นการปลูกฝังค่านิยมคุณธรรมที่เข้มแข็งให้กับเยาวชน โดยโครงการนี้ได้รับรางวัลระดับเอเชีย การดำเนินการในคดีต่างๆ เช่น การรื้อคดีทุจริตคลองด่าน คดีเงินทอนวัด คดีจำนำข้าว การออกเอกสารสิทธิโดยมีชอบที่พื้นที่ภูเรือ การให้มีผู้สังเกตการในการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆ
ซึ่งการมีคณะอนุกรรมการด้านนี้ทำให้ประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างได้กว่า 21,800 ล้านบาท ใน 11 โครงการ จาก 79 โครงการที่เข้าร่วม และทำข้อตกลงกับหน่วยงาน 46 หน่วยงาน เป็นแนวร่วมปฏิบัติการต่อต้านการรับสินบน ทำให้มีมิติใหม่เกิดขึ้น ในการยกระดับค่าซีพีไอร์ ของประเทศไทย
โดยหน่วยงานเหล่านี้ไปบริหารจัดการการดำเนินการของตนเอง กลายเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านทุจริตซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศ มีการบริหารจัดการความเสี่ยงเกิดขึ้น และปีต่อๆไปก็จะขยายไปสู่หน่วยงานต่างๆนอกเหนือจาก 46 หน่วยงานนี้ เป็นต้น
พล.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ คตช.ยังหารือกันว่า การดำเนินการของคตช.เป็นการดำเนินการเพื่อวางนโยบาย ดังนั้นจึงจะต้องมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติ่มขึ้นเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ จึงยกระดับคณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการทุจจริต โดยมีรองนายกฯเข้ามาเป็นประธานขับเคลื่อน และตั้งคณะด้านเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนในกาารต่อต้านการทุจริตขึ้นมาใหม่ เพราะเดิมไม่เคยมีมาก่อน เพื่อให้การดำเนินงานมีความเป็นรูปธรรม และตั้งคณะอนุกรรมการเร่งรัด ติดตาม การดำเนินการตามมติคตช.ขึ้นมาใหม่อีกชุดหนึ่ง
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการชุดเดิมที่มีแม้จะไม่ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพิ่ม เช่น คณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ ได้ตั้งคณะกรรมการชุดเล็กๆขึ้นมาดำเนินการ ส่วนการขับเคลื่อนธรรมาภิบาล แม้จะมีคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างธรรมาภิบาลในภาครัฐและเอกชน แต่การดำเนินการควรจะมีการศึกษา วิจัย และหาหนทางที่จะขับเคลื่อนให้เกิดเป็นวิธีปฏิบัติ จึงมอบให้สำนักงานป.ป.ท. กับองค์การต่อต้านคอรัปชั่นประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพูดคุยกันเพื่อหาหัวข้อ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติไปดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางในการต่อต้านการทุจริตต่อไป
