“สมคิด”โต้ซดเกาเหลา”บิ๊กนมชง” ยืนยันไม่มีอะไร เผยเป็นอดีตอาจารย์ไม่ใช่แทคโนแครตชี้”บิ๊กตู่”รู้ใจดีว่าอยากให้ใครมา ดูแลกระทรวงดิจิทัลฯ “บิ๊กติ๊ก”ทำพิธีบวงสรวงปรับภูมิทัศน์กลาโหม ปิดปากกระบอกปืนใหญ่ โดดชี้แจงเองยืนยันไม่เกี่ยวข้องบริษัทลูกชายได้งานประมูลก่อสร้างกองทัพภาค 3 เชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่าอาจได้งานเพราะนามสกุลนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ส่วนฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนานั้นใช้งบสำนักงานปลัดกห.ไปแค่ 7,800 บาทค่าซื้อหิน ส่วนชื่อฝายชาวบ้านตั้งกันขึ้นมาเอง ด้านวิษณุเมิน บุญทรงขู่ฟ้อง อ้างไม่ได้ใช้มาตรา 44 ยึดทรัพย์ แต่ให้อำนาจกรมบังคับคดีดำเนินการ

“ปรีชา”ผูกผ้า 3 สีปืนใหญ่กห.
เมื่อ เวลา 07.29 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่ด้านหน้ากระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่าการกระทรวงการกลาโหม ในพิธีมีการผูกผ้าสามสีและคล้องพวงมาลัยปืนใหญ่โบราณ 40 กระบอก โดยมีรองปลัด หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัด ข้าราชการในสังกัด ร่วมพิธี
พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า การทำพิธีครั้งนี้เพื่อความสวยงาม ป้องกันสัตว์มีพิษที่เราไม่ต้องการไปอยู่ในปากกระบอกปืนใหญ่โบราณ เช่น หนู งู โดยนำตราแผ่นดิน หรือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ เทพพาหนะของพระนารายณ์ไปปิดปากกระบอกปืน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงความเชื่อ เพราะต่างประเทศก็ทำแบบนี้ อีกทั้งบริเวณกระทรวงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงต้องทำให้สวยงามและมีความปลอดภัย พิธีครั้งนี้ไม่ได้ทำทุกปีและไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ตนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เพราะมีแผนดำเนินงานมานานแล้ว

เผยฝายแม่ผ่องฯแค่ 7.8 พันบาท
พล.อ.ปรีชา กล่าวถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้างของลูกชายคนที่ประมูลรับงานก่อสร้าง 2 โครงการในกองทัพภาค 3 ว่า ตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวบริษัทลูกชาย ที่เขารับประมูลงานก่อสร้างของในกองทัพภาค 3 และตนก็พ้นจากกองทัพภาคที่ 3 นานแล้ว ส่วนที่ว่ามีนามสกุลอาจทำให้ได้งานเพราะเกรงใจนั้น พล.อ.ปรีชากล่าวว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าเราไม่ผิดและทำถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการต่างๆ มีหลักเกณฑ์เงื่อนไข เขาก็ทำตามนั้น ก็ไม่มีปัญหา สามารถชี้แจงได้

ส่วน เรื่องฝายกั้นน้ำแม่ผ่องพรรณ ที่มีภรรยาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น พล.อ.ปรีชากล่าวว่าการสร้างฝายดังกล่าวใช้งบประมาณสำนักงานปลัดกระทรวง กลาโหมไป 7,800 บาท ซึ่งฝายนี้ทั้งชาวบ้าน ทหารช่วยกันสร้าง และชาวบ้านตั้งชื่อให้เอง สำหรับการให้งบประมาณกับสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น ทำได้ เพราะเป็นหน่วยที่สำนักงานปลัดฯดูแลอยู่ จึงสนับสนุนงบประมาณให้ได้ ถือเป็นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม

ชี้สังคมสงสัย-เพราะจันทร์โอชา
ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่า จะไม่มีการเพิ่มตำแหน่งรมช.กลาโหม เนื่องจากมีรัฐมนตรีช่วยอยู่แล้ว ส่วนงานด้านความมั่นคงที่มีเพิ่มมากขึ้น ก็ไม่เป็นไร ตนยังอยู่ได้ ส่วนสมาชิกสนช.ที่ต้องตั้งเพิ่มอีก 30 คน มีรายชื่อเรียบร้อยแล้ว
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการเรียกร้อง ให้ตรวจสอบบริษัทรับเหมาของลูกชายพล.อ. ปรีชาซึ่งเป็นคู่สัญญากองทัพภาคที่ 3 อาจเอื้อประโยชน์ระหว่างกันว่า โครงการต่างๆ ต้องมีการประมูล ใครก็เข้าประมูลยื่นซองได้ ไม่ได้กำหนดว่าเป็นลูกของพล.อ.ปรีชา แล้วไม่สามารถยื่นซอง และเมื่อยื่นซองแล้ว ราคาประมูลตรงตามสเป๊กของกองทัพภาคที่ 3 ก็ได้รับการประมูล ทั้งนี้ เป็นการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง ซึ่งไม่เห็นหน้ากัน ถ้าลูกชายของพล.อ.ปรีชาจะชนะประมูลก็เป็นเรื่องของเขา ยืนยันว่าการประมูลนั้นเป็นการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ซึ่งสังคมอาจสงสัย เพราะผู้ได้รับการประมูลนามสกุลจันทร์โอชา

“ที่นายกฯบอกห้าม น้องชายพูดมาก อันนี้ผมไม่รู้ เพราะเขาพูดกับน้องชาย ผมไม่ได้พูดด้วย เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่บานปลาย และไม่มีผล กระทบทำให้กองทัพถูกจับตามองด้วย ผมอยู่มาตั้งนานไม่เห็นมีอะไรเลย เป็นผู้บังคับหน่วยมาตลอด เป็นรัฐมนตรีมาตั้งนาน ทำอย่างตรงไปตรงมาทุกเรื่อง” พล.อ.ประวิตรกล่าว

เมื่อ ถามว่าในบรรทัดฐานเดียวกันนี้ ถ้าฝ่ายการเมืองจะเอาคนนามสกุลเดียวกันมาทำโครงการจะทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าทำได้ แต่จะเห็นควรขนาดไหนนั้นไม่ทราบ หากเป็นไปตามข้อบังคับของกฎหมายก็ทำได้

ศรีสุวรรณลั่นยื่นร้องปปช.สอบ
นายศรี สุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยกล่าวว่า จากกรณีปรากฏข้อมูลว่าหจก.แห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ซึ่งมีลูกชายของพล.อ.ปรีชาเป็นคู่สัญญารับเหมาหน่วยงานในกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 7 โครงการ มูลค่ากว่า 97 ล้านบาท และเป็นคู่สัญญากับสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 9 อีก 1 สัญญา มูลค่ากว่า 44 ล้านบาท และเป็นคู่สัญญากับอบจ.พิษณุโลกอีก 3 สัญญา มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท รวมวงเงินกว่า 155 ล้าทบาท ขณะที่ หจก.ดังกล่าวเพิ่งจดทะเบียนเมื่อปี 2555 มีทุนจดทะเบียนเพียง 1.5 ล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยว่าหากไม่มีการใช้อำนาจพิเศษเพื่อ ประโยชน์เสนอราคาประมูลงานดังกล่าวแล้ว บริษัทหน้าใหม่ที่มีทุนจดทะเบียนเล็กน้อย จะชนะการประมูลงานของรัฐที่มีมูลค่านับสิบนับร้อยล้านได้อย่างไร

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า กรณีดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะมีการกระทำเข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับ การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ประกอบมาตรา 100 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ดังนั้น สมาคมจะนำเรื่องร้องเรียนต่อป.ป.ช.เพื่อให้ไต่สวน สืบสวนให้ความจริงปรากฏ โดยจะไปยื่นวันที่ 22 ก.ย.นี้ เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี

วิษณุโต้บุญทรง-ม.44 ยึดทรัพย์
ที่ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ จะฟ้องดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการเรียกค่าเสียหายในส่วน การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)ว่า เป็นสิทธิของนายบุญทรง หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทราบว่านายบุญทรงได้ทักท้วงในบางประเด็น คือรัฐบาลใช้มาตรา 44 ไปยึดทรัพย์ ทั้งที่ไม่ใช่ เป็นการเข้าใจผิด เพราะมาตรา 44 ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่รัฐที่จะไปยึดทรัพย์เท่านั้น


นายวิษณุกล่าวว่า จุดเริ่มต้นว่าผิดหรือไม่ผิดจะต้องใช้กระบวนการตามกฎหมายปกติ คือพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ที่ใช้มา 3,000-5,000 ราย ซึ่งเมื่อคณะกรรมการทางกฎหมายบอกว่าใครมีความผิดแล้วจะต้องยึดทรัพย์ ในกรณีที่มีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท กระทรวงเจ้าทุกข์ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีเวลา ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญ มาตรา 44 จึงออกมาเพื่อให้กรมบังคับคดีไปทำหน้าที่นี้ และจะไม่สามารถทำได้ถ้า ไม่มีเรื่องให้ไปยึด เนื่องจากจะยึดได้ทาง คณะกรรมการต้องวินิจฉัยและมีคำสั่งทางปกครองแล้ว
“การดำเนิน คดีวินัยกับบุคคลสามารถแยกทางกับคดีอาญาหรือคดีแพ่งได้ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับ คนละข้อหากัน พิจารณาคนละศาล ใครจะทำก่อนหรือหลังไม่แปลก เพราะไม่ได้แปลว่าเมื่อศาลหนึ่งยกฟ้องแล้วจะยกฟ้องทั้งหมด เช่น ยกฟ้องคดีอาญา แต่ผิดวินัยและถูกไล่ออก หรือยกฟ้องคดีอาญา แต่ต้องชดใช้ทางแพ่ง หรือยกฟ้องทางแพ่ง แต่ต้องติดคุก ที่สำคัญคือคดีละเมิด ซึ่งเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง อายุความสั้นเพียง 2 ปี จะครบกำหนดวันที่ 16-17 ก.พ.2560 ถ้าจะถ่วงเวลาให้คดีอาญาจบ รับรองว่าเลยอายุความ ตอนนั้นจะฉุกละหุก ทั้งหมดนี้อยู่บนความเป็นธรรมพื้นฐานและมาตรฐานปกติ ขอยืนยันได้” นายวิษณุกล่าว

แค่ให้กรมบังคับคดีเข้าไปจัดการ
เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่าการใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจยึดทรัพย์ก่อนมีคำสั่งทางปกครอง เหมือนตั้งใจออกมารองรับไว้ก่อน นายวิษณุกล่าวว่าจะก่อนหรือหลังไม่แปลก ถึงออกมาก่อนก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอคำสั่ง แต่ที่ออกมาให้อำนาจก่อนเพื่อจะได้เตรียมการ โดยคำสั่งออกมาก่อนจะมีการลงนามคำสั่งกรณีจีทูจีไม่กี่สัปดาห์ ส่วนที่โต้แย้งว่าใครจะลงนามออกคำสั่งกรณีจีทูจี ไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาอย่างไร แต่ในกระทรวงพาณิชย์ไม่มีปัญหา และพล.อ. ประยุทธ์ไม่ได้ติดใจ เพราะรู้ว่ามีการลงนามและจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.

นายวิษณุกล่าวว่า จากนี้กระทรวงต้องส่งคำสั่งไปให้นายบุญทรงกับพวกภายใน 30 วัน ถ้ายังไม่อุทธรณ์ จะเตือนอีก 15 วัน ถ้ายังไม่ดำเนินการอะไร เมื่อครบ 45 วันนับแต่วันส่งคำสั่งไปให้ กรมบังคับคดีจะเข้าไปยึดทรัพย์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ได้ยึดจากนายบุญทรงกับพวกมาเป็นของใคร แต่ยึดมาเป็นของแผ่นดิน เพราะไม่มีสินบนหรือรางวัลนำจับ ทุกอย่างทำตามหน้าที่

รมว.พาณิชย์ไม่หวั่น-ลั่นยึดกม.
ส่วน ที่นายบุญทรงขู่ฟ้องกลับจะทำให้ เจ้าหน้าที่เกิดความเกรงกลัวหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ทราบว่ากลัวหรือไม่ แต่ต้องดำเนินการต่อไป ทุกคนทำตามหน้าที่ เมื่อศาลบอกว่าผิดคือผิด และมาตรา 44 ไม่ได้คุ้มครอง ทุกคน ทุกสถานการณ์ เพราะมีข้อแม้ว่าต้องทำภายใต้ความสมควรแก่เหตุ สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ต้องขอบคุณนายพูลเดช กรรณิการ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสปท. ที่เป็นห่วงและเตือนเรื่องนี้ แต่ข้อกฎหมายบางเรื่องได้พิจารณามาก่อนที่นายพูนเดชจะยื่นหนังสือแล้ว ไม่ได้บอกว่ามั่นใจ แต่ทุกคนทำตามหน้าที่

ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า ไม่เป็นกังวลและไม่หนักใจหาก ผู้เสียหายจะฟ้องร้องดำเนินคดี และได้เตรียมทีมกฎหมายไว้แล้ว ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย และดำเนินการถูกต้องและรอบคอบแล้ว ทั้งนี้ หลังจากส่งหนังสือแจ้งผู้ถูกเรียกค่าเสียหายทั้ง 6 รายแล้ว ตามขั้นตอนมีเวลาให้ตอบกลับภายใน 30 วัน หากครบ 30 วันแล้วยังไม่ตอบกลับ จะส่งหนังสือแจ้งเตือนอีกครั้งโดยให้เวลา 15 วัน เพื่อตอบกลับก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดีต่อไป

“บุญทรง”ระบุฟ้องซ้ำไปซ้ำมา
นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีฟ้องกลับทั้งทางแพ่งและทางอาญากับผู้เกี่ยวข้องคดีจีทูจีว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารคำสั่งอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เราคิดว่าเรื่องนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็ต้องให้ทนายศึกษาเรื่องก่อน และหากทราบว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้องก็จะฟ้องร้องตามสิทธิ์ทางกฎหมาย

เมื่อถามถึงกรณีกฤษฎีการะบุสามารถเอาผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาพร้อมกันได้ นายบุญทรงกล่าวว่า กฤษฎีกามีหน้าที่ คือเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้แก่รัฐบาล คงตัดสินอะไรไม่ได้ ซึ่งตนคงต้องพึ่งศาล ทั้งนี้ เราคิดว่าเรื่องเดียวกันไม่ควรฟ้องซ้ำไปซ้ำมาหรือเรียกร้องค่าเสียหายซ้ำไป ซ้ำมา หากจะเรียกค่าเสียหายก็ควรให้คดีทางอาญาเรียบร้อยก่อนจะเหมาะสมกว่า

เมื่อถามว่านายวิษณุระบุนายบุญทรงเข้าใจผิด โดยคำสั่งมาตรา 44 เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการหากคดีถึงที่สุดว่า นายวิษณุพูดตามสไตล์ของเขา ตนคงไม่โต้แย้ง แต่ทุกคนก็เห็น ทั้งนี้ เรามองว่าไม่ควรมีมาตรา 44 ออกมาเลย แต่เมื่อออกมาแล้วนายวิษณุก็หาทางอธิบายไปจนได้

มีชัยโต้สมชัย-เปล่าพูดเซ็ตซีโร่
ที่ รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมกรธ. ถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ระบุหากกรธ.จะเซ็ตซีโร่ กกต. จะต้องเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระอื่นๆ ทั้งหมดด้วย ว่า กรธ.ไม่เคยพูดถึงการเซ็ตซีโร่และยังไม่เคยมีแนวคิด ดังกล่าว อย่าพึ่งเดากันไปเอง ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดว่า องค์กรอิสระต้องเป็นไปตามพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้คิดอะไร ต้องรอสรุปความเห็นในการสัมมนาวันที่ 28 ก.ย.ก่อน

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเซ็ตซีโร่หรือไม่เพราะหาก ตั้งกกต.เพิ่มใหม่อีก 2 คน การทำงาน ของกกต.ก็เหมือนปลาสองน้ำ นายมีชัยกล่าวว่า ต่อไปต้องทำงานเป็นปลาหลายน้ำ ต้องช่วยกันทำงานอยู่ดี ทุกวันนี้คนที่ทำงานก็มาจากหลายฝ่าย ไม่ได้จูงมือเข้าพร้อมกัน ก็ยังทำงานกันได้ ซึ่งเวลาเขียนกฎหมายลูกต้องเขียนให้ครอบคลุม

นายมีชัยกล่าวถึง ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่า มีการเพิ่มบทบาทในเรื่องการที่มีคนมักไปบิดเบือน เช่น การรายงานปัญหาสิทธิมนุษยชนที่จะต้องรายงานแต่ความจริง ไม่ใช่รายงานแต่เรื่องดีเท่านั้น เรื่องที่ไม่ดีก็ต้องรายงานด้วย เพราะเป็นเรื่องของสิทธิ ตรงนี้เป็นเรื่องที่กสม.ต้องออกมาชี้แจงตามภาระหน้าที่ในร่างรัฐธรรมนูญ ไม่จำเป็นต้องกำหนดบทลงโทษ

กรธ.จัดรับฟังกม.พรรค-เลือกตั้ง
ด้าน นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ ประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และสำรวจความเห็นของประชาชน ในกรธ.กล่าวถึงการจัดสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชนเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองและร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ในวันที่ 28 ก.ย. นี้ว่าจัดที่รัฐสภา เวลา 13.00-16.30 น. ล่าสุดได้เชิญพรรคการเมืองทุกพรรคให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมสัมมนา นอกจากนั้นยังเชิญนักวิชาการ สื่อมวลชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เข้า ร่วมด้วย คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 200 คน ขณะที่ประเด็นการรับฟังความเห็นจะไม่จำกัดประเด็นหรือการรับฟังความเห็นของ ผู้เข้าร่วม จากนั้นคณะทำงานจะนำไป ประมวลและพิจารณาเนื้อหาที่เหมาะสมและ เป็นประโยชน์เพื่อบัญญัติไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดทำกฎหมายลูก 10 ฉบับ คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เตรียมจัดเวทีรายภูมิภาค และนำประเด็นที่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ เช่น กรณีที่ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ต้องยื่นแสดงรายการเสียภาษีย้อนหลัง ที่ยังตกลงไม่ได้ว่า จะย้อนหลัง เป็นเวลา 3 ปี หรือ 5 ปี นำไปสำรวจความเห็นของประชาชนผ่านการทำโพล เพื่อให้ประชาชนได้ช่วยกรธ.ตัดสินใจ และมีส่วนร่วมต่อกระบวน การจัดทำกฎหมายลูกด้วยด้วย

ศาลรธน.นัดลงมติร่างคำถามพ่วง
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ใบส้มและใบดำไม่ใช่ข้อเสนอใหม่เพื่อเพิ่มอำนาจกกต. แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ มาตรา 224 ระบุว่า กกต. ต้องมีหน้าที่และอำนาจดังนี้ (4) สั่งระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (1) ไว้เป็นการชั่วคราวระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้นั้นกระทำการหรือรู้เห็นกับการกระทำของ คนอื่นที่มีลักษณะทุจริตหรือทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือ เที่ยงธรรม ส่วนมาตรา 98 ระบุว่าบุคคลมีลักษณะต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครเลือกตั้ง เป็นส.ส. (11) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง ดังนั้น ใครเพ้อว่า กกต.ร่างกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจตัวเองโปรดทานยาด้วย

วันเดียวกัน สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณากรณี กรธ.ส่งร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามติ ในประเด็นเพิ่มเติม เพื่อให้พิจารณาว่าเป็นการชอบด้วยกับผลการออกเสียงประชามติแล้วหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 1 พ.ศ.2558 มาตรา 37/1 โดยศาลได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและนัดแถลงด้วยวาจาก่อนการลงมติและ ลงมติในวันที่ 28 ก.ย.นี้

จตุพรแฉยื่นถอนประกัน 5 นปช.
วัน เดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า อัยการคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัวแกนนำนปช. 5 คนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อศาลอาญา และศาลนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 3 ต.ค.นี้ เชื่อว่าการถอนประกัน มีเป้าหมายกดดันให้พวกเราหนีคดีหรือถูกนำตัวไปคุมขังคุก แต่ตนจะยืนหยัดต่อสู้ด้วยความจริง ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ในคำร้องของอัยการระบุว่าภายหลังศาลอนุญาตให้ปล่อยแกนนำนปช.ทั้ง 5 คนเป็นการชั่วคราวแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมหรือการกระทำโดยพูดผ่านสื่อ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กในรายการมองไกล ทางพีซทีวี เข้าข่ายผิดเงื่อนไขให้ประกันตัวชั่วคราว จึงเป็นเหตุยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยตัว

นายจตุพร กล่าวว่า คำร้องอ้างเหตุการ กระทำที่ผิดเงื่อนไขประกันตัว 3 กรณี ประกอบด้วย พูดประชดประชันรัฐบาล คสช., การคุกคามกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น และดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่นให้เสื่อมเสียหรือหวั่นเกรงให้เกิดอันตราย พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการปลุกปั่น ยั่วยุ ปลุกระดมก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง ทั้งนี้ ในคำร้องระบุว่าตนพูดเสียดสี ประชดประชัน บิดเบือนการปฏิบัติหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ กรณีก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่ส่อให้เกิดความคลางแคลงใจกับการเรียกจ่ายค่า หัวคิวจากเงินบริจาค รัฐบาลเพิกเฉย และถ่วงรั้งมติของมหาเถรสมาคมในการแต่งตั้งสังฆราช องค์ใหม่

พร้อมแถลงศาล-ชี้แจงข้อเท็จจริง
ประธาน นปช. กล่าวว่า ส่วนการกล่าวหาหน่วยงานรัฐนั้น ในคำร้องอ้างเหตุคำพูดกล่าวหาหน่วยงานรัฐกระทำมิชอบ คุกคาม กดดันการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐต่างๆ หลายแห่ง ทั้งที่การปฏิบัติหน้าที่ยังไม่เป็นที่ยุติ โดย ยกกรณีพฤติการณ์ส่อทุจริตขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รับแจ้งความการชุมนุมของคณะสงฆ์ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. อีกทั้งดีเอสไอสอบรถหรูโบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และอ้างเหตุกล่าวหาป.ป.ช. กรณีการปฏิบัติงานของนายวิชา มหาคุณ อดีตป.ป.ช. ที่ตรวจสอบการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ซึ่งแตกต่างจากการสลายการชุมนุมของ นปช.เมื่อ พ.ค.2553 กลับไม่มีคนผิด ซึ่งคำพูดกล่าวหาการปฏิบัติหน้าที่ของ ตร. ดีเอสไอ และป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นได้

“คำ ร้องยื่นถอนประกัน ยังอ้างคำพูดดูหมิ่น เหยียดหยามผู้อื่น โดยอ้างว่าดูหมิ่นพุทธะอิสระ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ที่รับผิดชอบการก่อสร้างอุทยานราช ภักดิ์ ดูหมิ่นพล.ต.จุลเจิม ยุคล ที่เสนอให้ใช้ผู้หญิงโคโยตี้เข้าสลายม็อบพระ และยังดูหมิ่นพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคณะสงฆ์ กรณีไม่เสนอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ในคำร้องกล่าวโดยรวมว่าแกนนำ นปช.ทั้ง 5 คน ได้ใส่ความ ให้ร้ายผู้อื่น ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และได้ เผยแพร่ต่อสาธารณะ เพื่อก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ละเมิด กระทบสิทธิ์หรือหน้าที่ของบุคคลหรือหน่วยงานรัฐ จึงฝ่าฝืนเงื่อนไขการให้ประกันตัวชั่วคราวของศาล เชื่อว่านับจากนี้เมื่อใกล้วันศาลอาญานัดไต่สวน จะมีอีกหลายขบวนการออกมาเคลื่อนไหว มีเป้าหมายกดดันให้นำแกนนำ นปช.ทั้ง 5 คน ไปเก็บไว้ในเรือนจำ แต่พวกผมจะนำข้อเท็จจริงของแต่ละเรื่องให้การต่อศาล เพื่อชี้ให้เห็นว่าสิ่งใดไม่เป็นความจริง” นายจตุพรกล่าว

สมคิดอ้างนิยายอุตตม-อภิรดี
วัน เดียวกัน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวถึงนายอุตตม สาวนายน ลาออกจากรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ว่า เรื่องนี้ไปสร้างเป็นนิยายกันใหญ่โต ทั้งที่เป็นเรื่องที่กระทรวงหนึ่งหยุดไป กระทรวงใหม่คือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตั้งขึ้นมา ซึ่งตามกฎหมายรัฐมนตรีต้องลาออก และต้องตั้งรัฐมนตรีขึ้นใหม่ ซึ่งนายอุตตม ต้องลาออก ส่วนการ ตั้งใหม่ นายอุตตมจะอยู่ที่เดิมหรือเป็นรัฐมนตรีคนใหม่ ขึ้นกับนายกฯพิจารณาความเหมาะสม

นายสมคิดกล่าวว่า ส่วนที่นางอภิรดีลงนามในคำสั่งทางปกครอง เพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีช้า เพราะขั้นตอนต้องมาจากปลัดกระทรวงเสนอเรื่องมา และนางอภิรดี ต้องการความแน่ใจเรื่องข้อมูล ก็ส่งกลับไปให้เช็กข้อมูลก่อนค่อยลงนาม กลายเป็นนิยายอีกเรื่อง สุดท้ายก็เอา 2 เรื่องมาผูกเป็นเรื่องเดียวกัน

บิ๊กตู่รู้ดีอยากได้ใครรมว.ดิจิทัลฯ
เมื่อ ถามว่าหากนายกฯจะตั้งรมว.ดิจิทัลฯ จะเสนอชื่อนายอุตตมหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า นายกฯทราบดีว่าตนต้องการใครมาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจทำงานกันเต็มที่ตามสไตล์ของแต่ละคน ซึ่งมีพื้นฐานแตกต่างกัน บางคนเป็นนายแบงก์ก็จะพูดน้อยต่อยหนัก บางคนมาจากสายธุรกิจ สายอาจารย์ ก็ต้องจูนแต่ละสไตล์ให้เข้ากันในการทำงาน แต่ละคนทำงานหนัก ส่วนนายกฯจะปรับทีมเศรษฐกิจหรือไม่ นายกฯจะเป็น ผู้พิจารณา

นายสมคิดกล่าวถึงการทำงานกับพล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ว่า ไม่มีอะไร ตนได้เสริมมาตรการช่วยเกษตรกรที่เกี่ยวข้องกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าไป แต่กลายเป็นนิยายอีกเรื่องว่าเป็นปัญหาเทคโนแครต กับทหาร ซึ่งตนไม่ได้เป็นเทคโนแครต แต่เป็นอดีตอาจารย์

“บิ๊กตู่”ชี้ทุกปท.ต้องช่วยผู้ลี้ภัย
วัน ที่ 21 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ระหว่างวันที่ 18-25 ก.ย. ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง) พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มภารกิจแรกโดยร่วมงานเลี้ยงรับรอง ซึ่งนายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และภริยา เป็นเจ้าภาพ จากนั้น ร่วมพิธีเปิดการอภิปรายการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ โดยเลขาธิการยูเอ็น เป็นประธานกล่าวเปิดประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาระหว่างเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เข้าเฝ้าฯและหารือทวิภาคีกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 อิบน์ อัล-ฮุสเซน สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน โดยกล่าวขอบคุณจอร์แดนที่เข้าใจและสนับสนุนคณะผู้แทนไทยในการประชุมสุดยอด องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC Summit) ครั้งที่ 13 ที่นครอิสตันบูล

จาก นั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดระดับ ผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐ โดยย้ำว่าทุกประเทศต้องร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขปัญหานี้ และควรเปิดพื้นที่เชิงนโยบายให้กับประเทศต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ยืนยันตลอด 40 ปี ไทยให้การดูแลผู้หนีภัยด้วยมนุษยธรรม ปัจจุบันไทยให้ที่พักพิงแก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากชายแดนด้านตะวันตกประมาณ 1 แสนคน ไม่นับรวมผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติอีกกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งไทยยินดีที่ประชาคมโลกร่วมกันรับรองแถลงการณ์นิวยอร์กสำหรับผู้ลี้ภัย และผู้โยกย้ายถิ่นฐาน

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลไทยออกมาตรการต่างๆ โดยปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมาย จัดงบประมาณ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือร้อยละ 0.05 ของจีดีพี สำหรับค่ารักษาพยาบาล การศึกษา และให้ความช่วยเหลือหากเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ไม่ต่างจากคนไทย นอกจากนี้ไทยกำลังพิจารณาจัดทำระบบคัดกรองให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ และอนุญาตให้เหยื่อค้ามนุษย์และพยาน สามารถทำงานได้อย่างถูกกฎหมายจนกว่าคดีจะสิ้นสุด โดยอาจขยายเวลาทำงานอีกไม่เกิน 2 ปี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขอชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐที่ได้แสดงบทบาทนำด้านการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัย การรักษาสันติภาพ และการส่งเสริมมนุษยธรรมในโลก

บวงสรวง - พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม นำตราแผ่นดินหรือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ปิดปากกระบอกปืนใหญ่ ระหว่างเป็นประธานบวงสรวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่าการกลาโหม เมื่อวันที่ 21 ก.ย.

บวงสรวง – พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม นำตราแผ่นดินหรือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ปิดปากกระบอกปืนใหญ่ ระหว่างเป็นประธานบวงสรวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่าการกลาโหม เมื่อวันที่ 21 ก.ย.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน