‘นิพิฏฐ์’ เทรน 50 ขุนพล ปชป. ลั่น! ต้องรักษาภาคใต้ให้ได้ เปิดนโยบาย 5 คูณ 2 ดันราคายาง-ปาล์มฟื้นชีวิตเกษตรกรภาคใต้ ชูประกันรายได้ปาล์ม 4 บาท – ยาง 60 บาท 25 ไร่ ได้ทุกคน หวังได้ใช้จริงหลังเป็นรัฐบาล

ปชป. – เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 26 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้ พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคใต้ ทั้ง 50 เขต แถลงนโยบายการแก้ปัญหาราคาปาล์มและยางพารา ว่า วันนี้ตนได้เชิญว่าที่ผู้สมัครมาทำสัญญาประชาคมว่าสิ่งที่พรรคจะประกาศต่อไปนี้เป็นภาระหน้าที่ของผู้สมัครที่ต้องปฏิบัติตาม และต้องผลักดันเมื่อเราเข้าไปเป็นรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จ

ต่อไปนี้นโยบายที่พรรคประกาศ ผู้สมัครต้องท่องให้ได้ และต้องทราบอย่างละเอียด โดยเมื่อเราเป็นรัฐบาล ต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ ทั้งนี้ภาคใต้เป็นเมืองหลวงของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ผู้สมัคร 50 คน เป็นขุนพลที่ต้องรักษาเมืองหลวง และรักษาพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ 4-5 ปีที่ผ่านมา เราตระหนักดีว่าประชาชนโดยเฉพาะภาคเกษตรกรอยู่กันอย่างยากลำบาก ดังนั้น 1 ปีหลังจากเลือกตั้ง ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน เป็น 1 ปีที่ต้องฟื้นฟูวิถีเกษตรกร โดยเราเดิมพันว่าเราจะฟื้นฟูชีวิตของเกษตรกรกลับมาให้ได้

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า เรามีนโยบายสำหรับภาคใต้ 5 เรื่องหลัก คือ 1.ยางพารา 2.ปาล์ม 3.การประมง 4.การท่องเที่ยว และ 5.ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้เราขอพูดเรื่องยางและปาล์ม ที่เป็นหัวใจของเกษตรกรในภาคใต้ โดยขึ้นว่า “นโยบายปาล์มและยาง 5 คูณ 2” โดยเรื่องราคายางพารา มี 5 เรื่องที่ต้องทำ คือ มาตรการที่ 1 เราจะประกันราคายางที่กิโลกรัม (กก.) ละ 60 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ รวมทั้งเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์และไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่ได้ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลจ่ายชดเชยไว้ที่ 15 ไร่เป็นหลัก ไร่ละ 16,000-17,000 บาท

แต่การทำอย่างนี้ในอดีตไม่ได้ผล เพราะคนกรีดยางที่เป็นคนส่วนใหญ่ ไม่ได้รับผล แต่จะได้รับต่อเมื่อราคายางสูงขึ้น เราจึงใช้คำว่า “60 บาท 25 ไร่ ได้ทุกคน” มาตรการที่ 2 ผลักดันราคายางให้สูงขึ้นด้วยการเพิ่มการใช้ยางในประเทศ 20 เปอร์เซ็นต์ ปีละ 1 ล้านตัน เพื่อการทำถนนพาราซอยซีเมนต์ และการปูอ่างเก็บน้ำ ถ้าสามารถผลักดันให้ราคาสูงได้ ก็ไม่ต้องแทรกราคายางพารา

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มาตรการที่ 3 ตั้งกองทุนสวัสดิการเกษตรชาวสวนยาง เป็นสังคมสวัสดิการแบบสมัครใจ จ่ายสมทบตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 มาตรา 49 (5) มาตรการที่ 4 แก้ปัญหาเกษตรกรชาวสวนยางที่ไม่มีแอกสารสิทธิ์ จำนวน 300,000 ครัวเรือน พื้นที่สวนยาง 5 ล้านไร่ โดยโฉนดสีฟ้าและโฉนดชุมชน และมาตรการที่ 5 การสร้างความมั่นคงในอาชีพการทำสวนยาง ด้วยชุดความคิดสวนยางยั่งยืน ตามทฤษฎีใหม่เศรษฐกิจพอเพียง การเปลี่ยนสวนยางเชิงเดี่ยวให้เป็นสมดุลนิเวศน์ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพด้วยการปลูกพืชอื่นร่วมกับยางพารา ทำเกษตรผสมผสาน ลดต้นทุนเพิ่มรายได้

นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำนั้น โดยมาตรการที่ 1 ประกันรายได้เกษตรกรที่กก.ละ 4 บาท 25ไร่ ซึ่งใช้คำว่า “4 บาท 25ไร่ ได้ทุกคน” มาตรการที่ 2 การใช้น้ำมันดีเซลบี 10 ทั่วประเทศ และการใช้น้ำมันดีเซลบี 20 ในการขนส่ง การประมง และใช้น้ำมันดีเซล บี 100 เพื่อสิ่งแวดล้อมในการเกษตร การทำประมง และการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนี้จะเริ่มในปี 2562 ถ้าพรรคได้เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

มาตรการที่ 3 เสนอร่างพ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน พ.ศ. … ฉบับสภาเกษตรกร และให้มีการซื้อปาล์มคุณภาพตามราคาหน้าโรงงาน มาตรการที่ 4 นำน้ำมันปาล์มไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าจ.กระบี่ เพื่อปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ และมาตรการที่ 5 สนับสนุนการส่งออกและชะลอการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ซึ่งเราไม่สามารถหยุดยั้งการนำเข้าได้ เพราะกฎหมายไม่ให้ทำ แต่เราใช้การชะลอหรือการผ่านแดนของน้ำมันปาล์ม นี่คือ 5 มาตรการสำหรับฟื้นฟูชีวิตเกษตรกรชาวสวนปาล์ม

“สวนยาง สวนปาล์ม เราใช้นโยบาย 5 คูณ 2 เราเชื่อว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรชาวสวนปาล์มและชาวสวนยางพารา ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน พ้นจากความทุกข์ ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน จากปัญหาราคาปาล์มและยางพาราตกต่ำ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะเป็นนโยบายแก้ไขปัญหาทั้งระบบแบบครบวงจร” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน