‘จาตุรนต์’ เหน็บ ‘บิ๊กตู่’ มีส.ว. 250 ดัน ซัด ถ้าปชช.ยังเดือดร้อน-เศรษฐกิจแย่ ก็เปลี่ยนนายกฯ ติง กกต. ยังมีระเบียบว่าด้วยการหาเสียงที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องระบุค่าใช้จ่ายหรือไม่ ถาม ‘บิ๊กตู่’ พร้อมหรือไม่ ถ้าถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ

จาตุรนต์ – วันที่ 26 ม.ค. ที่วงเวียนใหญ่ ศูนย์ประสานงานพรรคไทยรักษาชาติ เขต 22 คลองสาน บางกอกใหญ่ ธนบุรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ให้สัมภาษณ์ถึง การประเมิน กรณีหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งมาโดยวิธีการเสนอชื่อจากพรรคพลังประชารัฐ หรือรอเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ว่า จากการวิเคราะห์คือ เรื่องนี้ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเป็นหลัก แนวโน้มพรรคพลังประชารัฐ คงเชิญพล.อ.ประยุทธ์มาอยู่ในบัญชี 3 คนที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ยังไม่ทราบชัดเจนว่า จะเสนอเพียงชื่อเดียวหรือทั้ง 3 ชื่ออย่างที่มีข่าว ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็พูดเหมือนจะแบ่งรับแบ่งสู้

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

แต่ที่ผ่านมามีการวางแผนและพูดกันมาอย่างเป็นขั้นตอนเหมือนกับว่าพล.อ.ประยุทธ์ก้าวมาเป็นนักการเมืองแล้ว และยังพูดถึงเหตุผลที่จะไปอยู่พรรคการเมืองเพราะอะไร ถ้าพรรคไหนตั้งใจจริงก็จะไปอยู่ด้วย แล้วยังพูดห้ามปรามพรรคการเมืองอื่นว่าอย่ามาขัดขวาง อย่ามาล้มการดำเนินงานของคสช. แสดงให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์มีความตั้งใจที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ และเป็นที่รู้กัน

แต่ที่เป็นปัญหาสำคัญในขณะนี้คือ การที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่มีอำนาจเต็มทุกอย่างตามกฎหมาย ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ทำตัวเป็นรัฐบาลรักษาการเหมือนกับเป็นการเคยชินในอดีตของรัฐบาลในอดีต ตนอยากพูดให้เข้าใจว่า ไม่ว่าจะในอดีตหรือในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ กำหนดว่าเมื่อมีการยุบสภาหรือประกาศให้มีการเลือกตั้ง ก็ต้องให้รัฐบาลที่ทำหน้าที่อยู่เป็นรัฐบาลรักษาการ หมายความว่า ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณ และไม่สามารถสร้างงบประมาณผูกพันได้ ไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการโดยไม่ขอความเห็นชอบจากกกต.

หลักการนี้มาจากการที่เห็นว่ารัฐมนตรีคนในครม.อาจเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับรัฐบาลข้างหน้าเช่นจะไปเป็นรัฐมนตรี หรืออย่างปัจจุบัน จะไปเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากให้มีอำนาจต่อไปเหมือนรัฐบาลปกติทุกอย่าง ก็จะเกิดความไม่เป็นกลาง ในอดีตเขาจึงบอกว่าเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดความไม่เป็นกลาง ไม่ให้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของพรรคของตนเอง หรือตนเองที่จะไปมีส่วนได้เสียในการเลือกตั้งจึงให้เป็นรัฐบาลรักษาการ

ดังนั้นโดยหลักการแล้วพล.อ.ประยุทธ์มีแนวโน้มอย่างชัดเจนว่า จะไปเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าเป็นแล้วรัฐมนตรีอีกหลายคนก็อยู่ในสังกัดพรรคการเมืองเป็นผู้สมัครชัดเจน รัฐบาลนี้ก็ต้องอยู่ในสภาพของรัฐบาลรักษาการ เพื่อให้เกิดความเป็นกลาง และเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวทางการเมืองหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ถ้าพูดในแง่วิสัยทัศน์ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และผลงาน ก็ไม่น่ากลัวเลย แต่พล.อ.ประยุทธ์มีข้อได้เปรียบคือมี ส.ว. 250 คนในกระเป๋า ซึ่งจะทำให้ได้เปรียบพรรคการเมืองต่างๆ ตนเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อถึงโค้งสุดท้ายประชาชนไทยเหลือประเด็นเดียวในการตัดสินใจคือ จะให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ และถ้าทุกคนเห็นว่าตลอดเวลา 4-5 ปีนี้ เดือดร้อนพอแล้ว โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่เสียหาย พล.อ.ประยุทธ์กับพวกก็แก้ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนรัฐบาลคือ ต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี จากพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนอื่นที่เป็นที่ยอมรับของประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะประธานยุทธศาสตร์ของพรรคไทยรักษาชาติ จะมีการปรับกลยุทธ์การหาเสียงอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องกับกฎ กติกา ของกกต.ในปัจจุบัน นายจาตุรนต์ กล่าวว่า พรรคเราเตรียมรณรงค์หาเสียงด้วยการปราศรัยทุกรูปแบบ พยายามพบประชาชนให้มากที่สุด และจะมีการประชุมสมาชิกพรรคแกนนำพรรคเพื่ออบรมเสนอนโยบายที่จะนำเสนอต่อประชาชน

นอกจากนี้ทางพรรคได้เตรียมการอย่างมากคือ การรณรงค์หาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย การหาเสียงผ่านทางทีวีช่องต่างๆ แต่ปรากฏว่าขณะนี้ระเบียบของกกต. จำกัดเรื่องเหล่านี้อย่างมาก อย่างโซเชียลมีเดียก็ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งตนยืนยันว่าจะไม่ปิดเฟซบุ๊กของตัวเอง ถึงแม้ว่ากกต.จะบอกว่าไม่จำเป็นต้องปิด แต่ก็ยังมีระเบียบว่าด้วยการหาเสียงคืออะไร ใครหาเสียงได้แค่ไหน และประชาชนจะเชียร์พรรคการเมืองหรือนักการเมือง ถือเป็นการหาเสียงและระบุค่าใช้จ่ายหรือไม่

สำหรับเรื่องนโยบายพรรคไทยรักษาชาตินั้น ในวันที่ 29 ม.ค.นี้จะเปิดตัวนโยบาย โดยในระหว่างนี้จะทยอยเปิดบางส่วนก่อน ภายใต้โจทย์ที่เราตั้งขึ้นว่า “ประเทศนี้ มีปัญหาสำคัญที่จะต้องแก้ 10 เรื่อง” ซึ่งเป็น 10 เรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นปัญหา ดังนั้นพรรคทษช. จะมีนโยบายแก้ปัญหาเหล่านั้น และจะเน้นเรื่องนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ประชาชนทั้งประเทศให้ความเห็นไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากถูกเสนอชื่อเป็นบัญชีนายกฯ ของพรรค จะพร้อมหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคว่า จะเสนอชื่อใครบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องให้เจ้าตัวลงชื่อยินยอมด้วย ถ้าถึงวันที่มีหนังสือมาให้ยินยอมก็จะตอบปัญหานี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน