รัฐบาลเรือเหล็ก ระวังสนิมเนื้อใน

รัฐบาลเรือเหล็ก ระวังสนิมเนื้อใน – ชักเข้าชักออกมานานเกิน 3 เดือน จนไม่มีอะไรเหลือให้ตื่นเต้นสำหรับโผรายชื่อ 36 รัฐมนตรี ฝีมืออำนวยการสร้างของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เผยว่านายกฯ นำรายชื่อครม.ใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขั้นตอนต่อไปเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมา นายกฯ ก็จะนำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนทำหน้าที่

ทั้งหมดคาดว่าจะเสร็จสิ้นไม่เกินกลางเดือนก.ค.

พล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ ยืนยันทุกอย่างดำเนินตามกรอบเวลา การจัดตั้งรัฐบาลไม่ล่าช้าอย่างที่สังคมวิจารณ์

อย่างไรก็ตาม หากยึดตามไทม์ไลน์เดิมที่คสช.เคยแจกแจงไว้เมื่อก่อนและหลังเลือกตั้งว่า น่าจะได้รัฐบาลใหม่ราวกลางเดือนมิ.ย. ฉะนั้นเมื่อวันเวลาล่วงเลยไปถึงกลางเดือนก.ค. ก็เท่ากับว่าคลาดเคลื่อนไป 1 เดือน

ความล่าช้าในการตั้งรัฐบาลที่กว่าจะลงตัวก็เกือบ 4 เดือนหลังเลือกตั้ง

เสมือนเป็นสัญญาณเริ่มต้นรัฐบาลใหม่ที่ไม่ค่อยดีนัก

เนื่องจากเป็นความล่าช้าที่เกิดขึ้นภายใต้การแก่งแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่มีพรรครัฐบาลเข้าร่วมเปิดศึกช่วงชิงมากถึง 19 พรรค หากนับเป็นกลุ่มก็มากมายหลายสิบกลุ่ม

เมื่อเก้าอี้มีน้อย คนอยากนั่งมีมาก ความขัดแย้งจึงตามมาอย่างที่เห็น ไม่ว่าขัดแย้งในพรรคหรือข้ามพรรค

แล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมืองอีกเช่นกัน

ตามโผครม.ฉบับล่าสุดของล่าสุดที่เผยแพร่ผ่านสื่อตรงกันเกือบทุกสำนัก เบื้องหลัง 36 รายชื่อที่ออกมา มีทั้งกลุ่มอกหักผิดหวัง กลุ่มสมหวัง กลุ่มได้กำไร และกลุ่มขาดทุน

รู้สึกว่าตำแหน่งที่ได้รับการเจียดแบ่งมาให้ เป็นผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า หากเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตนเองหรือกลุ่มลงทุนลงแรงไป

เพื่อช่วยให้“คนหน้าเดิม”ได้อยู่ต่อ

ทบทวนรายชื่อครม.ใหม่ตามที่เป็นข่าว

ในส่วนของ คสช. ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้านี้ หลักๆ อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นั่งควบรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เจ้าตัวยอมรับเริ่มมีปัญหาสุขภาพ เหลือรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงตำแหน่งเดียว

รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจยังชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เช่นเดียวกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายเนติบริกร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม

พรรคพลังประชารัฐ กลุ่ม 4 กุมาร นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคเป็น รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาฯพรรค เป็นรมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค เป็นรมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่หลุดไปคือนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค

กลุ่ม กปปส. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นรมว.ศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ส่วนร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำภาคเหนือ ที่จู่ๆ กลับมามีชื่อนั่ง รมว.แรงงาน สร้างความฮือฮาไปทั่ว แต่ก็เซอร์ไพรส์อยู่ได้แค่ 2 วัน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ออกมาปฏิเสธ พร้อมกับย้อนถามสื่อเอาโผนี้มาจากไหน

เลยต้องรอดูต่อไป ใครจะเป็นตัวจริง

ด้านกลุ่มสามมิตร หากชื่อตรงตามโผที่ออกมา ก็จะเป็นกลุ่มการเมืองที่อกหักผิดหวังรุนแรงมากสุดในการจัดตั้งครม.ครั้งนี้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จากที่เคยมีชื่อเป็น รมว.พลังงาน ถึงเวลาจริงกลับถูกรวบหัวรวบหางจับโยกไปนั่ง รมว.อุตสาหกรรม สลับกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาฯพรรค กลุ่ม 4 กุมาร

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เคยพยายามต่อสู้ช่วงชิงเก้าอี้ รมว.เกษตรฯกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายลงเอยที่ตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ต้องเก็บไอเดีย โคล้านตัวเข้าลิ้นชักไปก่อน

แต่ที่หนักกว่าเพื่อน นายอนุชา นาคาศัย จากมีชื่อจะมาเป็น รมช.คลัง กลับหลุดพ้นวงโคจร เบื้องหลังเนื่องจากแกนนำพลังประชารัฐต้องการนำโควตา รมช.คลัง ไปแปลงเป็นเก้าอี้รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ กับภูมิใจไทย สองพรรคร่วมรัฐบาล โควตาที่ได้รับจัดสรร พรรคละ 7 ตำแหน่ง ยังเป็นไปตามโผเดิม เช่นเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่มีอะไรเปลี่ยนทั้งตำแหน่งและตัวคน

พรรครวมพลังประชาชาติไทย เกิดการพลิกโผเล็กๆ “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรคตอนแรกมีชื่อเป็นรมว.การต่างประเทศ แล้วก็มาเป็น รมว.แรงงาน ก่อนมาจบที่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ

เก้าอี้เล็กลง แต่หม่อมเต่าไม่มีปัญหา เพราะแล้วแต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำพรรคตัวจริงเสียงจริง

สอดรับกับที่พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยากให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย อยู่ในตำแหน่งรมว.การต่างประเทศต่อไป

เมื่อเป็นแบบนี้นายดอน จึงถูกจัดอยู่ในโควตา ของพล.อ.ประยุทธ์ เท่ากับว่ามหกรรมเก้าอี้ดนตรีครั้งนี้ ในคสช.ไม่มีใครลงเลือกตั้ง นอกจากตำแหน่งนายกฯ แล้ว

ยังได้เก้าอี้รัฐมนตรีไปถือครองมากสุด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นคนแรกที่เปรียบรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” เป็นเรือเหล็กลำใหญ่ สามารถบรรทุกคนและบรรทุกสินค้าได้มากกว่าเรือแป๊ะลำเดิมที่ทำจากไม้

แต่ข้อควรระวังก็คือ

“เรือลำนี้พื้นเป็นเหล็ก เมื่อเป็นเหล็กสนิมมันเกิดได้ และปกติสนิมเกิดแต่เนื้อในเหล็ก อะไรก็ตามที่เป็นเหล็กสนิม มันเกิดได้ทั้งนั้น อะไรก็ตามที่เป็นแผล บาดทะยักก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อะไรที่ ป่วย โลหิตก็เป็นพิษได้ทั้งนั้น ส่วนวิธีป้องกันก็ต้องหามา ซึ่งทุกคนจะเป็น คนป้องกัน”

นายวิษณุไม่ได้ให้คำอธิบายเฉพาะเจาะจงว่า “สนิมเนื้อใน” มีโอกาสเกิดจากอะไร

อ้างแค่เปรียบเปรยว่า เรือแป๊ะจอดเทียบท่าและเปลี่ยนเป็นเรือลำใหม่ ถ้าไม่ช่วยพายก็อย่าเอาเท้าราน้ำ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงคนในพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น แต่ส่งสัญญาณให้หมดทั้งประเทศ

ขณะที่นักวิเคราะห์วิจารณ์การเมืองหลายคนมองจากสภาพความเป็นจริงตอนนี้ สนิมเรือเหล็กมีโอกาสเกิดจากภายในพรรคพลังประชารัฐมากที่สุด โดยเฉพาะจากกลุ่มที่อกหักพลาดหวังจากอำนาจและผลประโยชน์ รอจังหวะตลบหลัง

ซ้ำเติมเรือเหล็ก“ปริ่มน้ำ”เมื่อฤดูมรสุมมาถึง

ความจริงอีกอย่างเกี่ยวกับรัฐบาลใหม่ก็คือ ถึงจะเป็นเรือเหล็กแต่โครงสร้างที่มายังมีปัญหาในตัวของมันเอง

เริ่มตั้งแต่กระบวนการสรรหาส.ว. โดย คสช. เพื่อให้เข้ามาโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งถูกมองว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และไม่เป็นธรรม

มาจนถึงล่าสุดกรณีนายอุตตม สาวนายน ว่าที่ รมว.คลัง ที่ฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยประกาศล็อกเป้า เตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

กรณีอนุมัติสินเชื่อแบงก์กรุงไทย 9,900 ล้านบาท ให้กับบริษัทในเครือกฤษดานคร เมื่อปี 2546 ในฐานะกรรมการบริหารกรุงไทยขณะนั้น ร่วมกับกรรมการ 4 คน ซึ่งต่อมา 3 คนถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินว่ามีความผิด อนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ขณะที่นายอุตตม กลับถูกกันเป็นพยาน ไม่ต้องถูกดำเนินคดี ทั้งที่มีหลักฐานการลงลายเซ็นร่วมอนุมัติด้วยชัดเจน

ยังไม่รวมถึงกรณี“จ่านิว”สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรมการเมืองถูกรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ยังจับมือใครดมไม่ได้ สุ่มเสี่ยงบานปลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่จริงจังทำคดี

ไม่ว่าเรือไม้ หรือเรือเหล็ก แต่ยังเป็น“แป๊ะ”คนเดิม

เป็นเรือที่แบกบรรทุกปัญหาไว้เต็มไปหมด จนน่าเป็นห่วงว่าแค่คลื่นเล็กๆ ซัดมากระทบ

ก็อาจทำให้เรืออับปางลงได้ง่ายๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน