‘หญิงหน่อย’ จวกรัฐบาลอย่าใช้งบสะเปะสะปะ! หยุดซื้ออาวุธเข้ากองทัพ แนะใช้ยาแรงกระตุ้น เศรษฐกิจ ชี้วันนี้ไม่ใช่วิกฤตแต่เป็นหายนะ

วันที่ 17 ส.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึง มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า เราเห็นด้วยว่าควรกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาเราพยายามกระตุ้นรัฐบาลให้ออกไปช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะเรื่องภัยแล้ง มาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ครม.ก็มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยเกี่ยวกับภัยแล้ง และคิดว่าต้องใช้ยาจำนวนมากพอที่จะทำให้เติบโตได้จริง สำหรับมาตรการของรัฐบาลที่ออกมามีทั้งสิ่งที่เราเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า เห็นด้วยคือ การยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย เรื่องนี้อยู่ในนโยบายหนึ่งของพรรคเพื่อไทยมาตลอด และรัฐบาลได้นำไปดำเนินการต่อ ส่วนเม็ดเงินที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนล้านบาท เราเป็นห่วง 2 ประเด็น คือ

1.ขณะนี้เปรียบเสมือนหน้าแล้งมีน้อยมาก คือมีน้ำหรือเม็ดเงินน้อยมาก ใน 3 แสนล้านบาทนั้น ประกอบด้วย การพักหนี้และการให้สินเชื่อของธนาคารไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท รวมถึงการพักหนี้ต่างๆ ดังนั้นจึงเหลือเม็ดเงินที่ลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยมาก

2.ในภาวะน้ำมีน้อย รัฐบาลต้องเลือกใช้วิธีรดน้ำ จะหยดที่โคนต้น หรือจะสเปรย์ทิ้ง มาตรการของรัฐบาลที่ออกมาถือว่าเป็นการใช้น้ำไม่คุ้มค่า ใช้วิธีสเปรย์เบี้ยหัวแตก ไม่ได้อัดลงไปที่ตรงจุด

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า แม้การท่องเที่ยวจะเป็นหนึ่งในวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถ้าเทียบกับอัดเงินลงไปที่เกษตรกรฐานราก ให้เขามีเงินไปใช้จับจ่ายในตลาด หรือทำให้เอสเอ็มอีฟื้น เมื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศมีเงินซื้อของในตลาดก็ขายได้ โรงงานก็ผลิตได้ น่าจะมีผลดีมากกว่า ขณะที่การท่องเที่ยวนั้นมีข้อติดขัดหลายอย่าง เช่น ถ้าจะเอาเงินรัฐไปเที่ยว 1,000 บาท ต้องควักเงินตัวเองอีก 2,000 บาท ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็ไม่มีให้ควัก

“ดังนั้น จึงอยากติง 2 เรื่องคือยาไม่แรงพอ กับวิธีการสะเปะสะปะ ใช้วิธีสเปรย์แบบไม่เกิดประโยชน์ เพราะน้ำจะระเหยหมดไป ไม่ลงถึงราก เราในฐานะนักการเมืองที่ใกล้ชิดประชาชน ลงพื้นที่ได้เห็นความทุกข์ยากทั้งในเมืองและชนบท สิ่งที่เราอยากเห็นคือการนำเงินลงไปกระตุ้นอย่างเพียงพอ เลิกซื้ออาวุธ เลิกซื้อสิ่งไม่จำเป็น เศรษฐกิจวันนี้ไม่ใช่วิกฤตแต่เป็นหายนะ หวังว่าในการประชุมครม.สัปดาห์หน้าจะทบทวนสิ่งที่ฝ่ายค้านติติงด้วยความหวังดี” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายท่องเที่ยวเมืองรอง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวในชุมชนเป็นเรื่องต้องสนับสนุน เพราะเป็นเรื่องที่มาควบคู่กับการกระจายอำนาจ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ รัฐส่วนกลางไปคิดแทนคนท้องถิ่น และจัดงบประมาณไม่ตรงความต้องการของประชาชน แม้พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ เราจะแถลงก้าวต่อไปของเพื่อไทยยุคใหม่ จะมีโครงการชื่อว่า นวัตกรรมแก้จน และโครงการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ชุมชนบางกอกน้อยจะเป็นโมเดลตัวอย่าง เพื่อทำให้เห็นว่าแม้ไม่มีอำนาจรัฐ แต่ถ้าเราพึ่งพาและร่วมมือกับคนในชุมชน จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และสามารถอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตคนในชุมชนได้ จึงขอให้สื่อมวลชนติดตามบางกอกน้อยโมเดล ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมแก้จนของพรรคเพื่อไทยต่อไป เพื่อจะทำให้ของดีที่อยู่ในชุมชนได้โชว์ออกไป สร้างรายได้ที่ยั่งยืน รักษาเอกลักษณ์ที่น่าภาคภูมิใจและส่งเสริมพระพุทธศาสนาได้ด้วย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า โครงการนี้เกิดจากความตั้งใจดีของพี่น้องในชุมชน​ นวัตกรรม​เทคโนโลยี​ และผู้เชี่ยวชาญที่เราจะหามาช่วย 3 อย่างนี้จะทำให้บางกอกน้อยโมเดลประสบความสำเร็จ​ เราขอเวลาไม่นาน​ ไม่นานจริงๆ​ ไม่ต้องร้องเพลง แล้วจะทำให้เห็นว่าเราพึ่งพาตัวเองได้แม้รัฐไม่ช่วยก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เยี่ยมชมงานหัตถกรรมขันลงหิน ที่ชุมชนบ้านบุ และพบปะประธานชุมชน และประชาชน เขตบางกอกน้อย พร้อมประชุมกับคณะทำงานพื้นที่ เพื่อพัฒนาบางกอกน้อยโมเดล และเยี่ยมชมฉัตรพระราชทาน 5 ชั้น จากรัชกาลที่ 1 ที่มัสยิดกุฎีหลวงมัสยิดแห่งแรกของประเทศไทย สร้างในรัชกาลที่ 1

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน