“7พรรค ฝ่ายค้าน” จับมือนักวิชาการ นักศึกษา ภาคประชาชน จัดเวทีเสวนา “รัฐธรรมนูญและจินตนาการใหม่” ทุกฝ่ายย้ำต้องแก้ รธน.เผด็จการ ทลายวิกฤติประเทศ

เมื่อเวลา 13.45 น. มีการอภิปรายหัวข้อ “รัฐธรรมนูญและจินตนาการใหม่” โดยตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ นางเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) นายสุพจน์ อาวาส พรรคประชาชาติ (ปช.) นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ปัญหาของประเทศไทยไม่สามารถแก้ได้ด้วยระบบเผด็จการ หรือระบบอื่นที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เพราะระบบดังกล่าวจะมีเรื่องของการอุปถัมภ์ และนำไปสู่ความแตกแยก ระบบประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะเป็นหาทางนำไปสู่การแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศ ทั้งนี้ ตนมองว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีปัญหาเนื่องจากร่างมาโดยกลุ่มคนที่ไม่ได้มาตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ

นายสมพงษ์ กล่าวภายใต้หัวข้อ “ความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ว่า ตั้งแต่มีการรัฐประหาร ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับ 1 ที่ไม่ได้รับการแก้ไข ผู้มีอำนาจมุ่งเน้นเพียงแต่จะสืบทอดอำนาจเท่านั้น ในการประชุมสภาฯ ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี ผู้แทนได้มีโอกาสพูดคุยปรึกษาหารือกันถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนตลอด พูดกันมา 2-3 เดือนแล้วยังไม่หมด เพราะปัญหาของพี่น้องประชาชนมีมากเหลือเกิน ตลอด 5 ปีก็ไม่เคยมีใครมาเหลียวแล

ทั้งนี้ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจะไม่มีการคบค้ากับประเทศที่มีการยึดอำนาจ ดังนั้นจึงไม่มีการติดต่อเจรจาการค้าใดๆ กับประเทศไทย การค้าขายที่ประเทศไทยต้องพึ่งต่างชาติก็หายไปด้วย ตนมีโอกาสลงพื้นที่ไปตามที่ต่างๆ พบว่าการค้าขายซบเซา หงอยเหงา แทนที่จะคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีเงินเข้ามา แต่รัฐบาลกลับใช้เงินอย่างแหลกลาญ

แจกเงินอย่างไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา รัฐบาลใช้แนวทางเอาคนรวยนำคนจน โครงการธงสีฟ้าๆ เราก็รู้ว่าเอาสินค้าของใครมาวางขาย ประชาชนก็ต้องเอาเงินที่ได้จากบัตรสวัสดิการมาซื้อของเหล่านั้น จะเอาไปซื้ออย่างอื่นก็ไม่ได้ ทำให้เงินหมุนเวียนเฉพาะกลุ่มทุน เศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ ทุกอย่างก็เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญด้วย คนร่างรัฐธรรมนูญร่างมาจากใบสั่งของผู้มีอำนาจ ออกกฎระเบียบต่างๆ มาทำลายสิทธิมนุษยชนโดยสิ้นเชิง รัฐธรรมนูญมีปัญหาจริงๆ ดังนั้นต้องแก้ให้ใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญนี้ซ่อนเร้นกลไกต่างๆ ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถรับรู้ได้ พี่น้องประชาชนเลือกตั้งต่างก็เลือกพรรคที่เป็นประชาธิปไตยทั้งนั้น มีพรรคเดียวเท่านั้นที่ไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าสนับสนุนประชาธิปไตย แม้แต่ประชาธิปัตย์ (ปชป.) และภูมิใจไทย (ภท.) ก็เช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าไปเจอขนมหวานอะไรจึงไปเข้าร่วมด้วยกัน 5 ปีที่แล้วท่านมีอำนาจทุกอย่างในมือ แต่ตอนนี้ท่านมีไม่เท่าเดิม แล้วแบบนี้จะให้เราเชื่อมั่นในตัวท่านได้อย่างไรว่าจะแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนได้

ทั้งนี้ ตนไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญทุกอย่าง แต่ตนเพียงอยากทำให้สมบูรณ์แบบ และให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่คน 70 กว่าคนออกแบบให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไขยาก เราจึงหวังพึ่งพี่น้องประชาชน ซึ่งเราจะพยายามรณรงค์เรื่องนี้ให้มากที่สุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าใจให้มากขึ้น เพราะตนเชื่อว่าหากให้มีการทำประชามติ พี่น้องประชาชนจะต้องอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง เพราะหากยังปล่อยให้มีรัฐธรรมนูญเช่นนี้ต่อไป อนาคตย่ำแย่แน่ แล้วลูกหลานจะอยู่กันอย่างไร

นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กับตัวแทนภาควิชาการ และตัวแทนภาคสังคม เช่น นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มช. น.ส.อนินท์ญา ขันขาว สมาชิกกลุ่มนักกิจกรรมเยาวชน นายสุรยุทธ จันทวงค์ สมาชิกกลุ่มนักศึกษานิติขับเคลื่อน

นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้สังคมต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นของสังคม ที่สังคมเป็นผู้กำหนด ถูกเขียนขึ้นโดยคนในสังคม เราไม่ต้องการธรรมนูญที่เป็นของคณะรัฐประหารอีกต่อไป ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2540 คือตัวแบบที่ดี เพราะมีการมีส่วนร่วมของประชาชน ทุกฝ่ายถกเถียงและแสดงความเห็นกันได้ และถูกชี้ขาดโดยสถาบันที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ไม่ใช่ สนช.ที่เป็นใครก็ไม่รู้มาเห็นชอบ วันนี้เราเห็นพรรคการเมืองบางพรรคที่ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้คอยขวางการแก้ไข ไหนจะ ส.ว.อีก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้รัฐธรรมนูญปี 60 ดังนั้นแรงผลักดันทางสังคมจึงสำคัญมาก หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่าฝากความหวังไว้เพียงกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

“ที่ถามว่าระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อันไหนจะแก้ได้เร็วกว่ากันนั้น ผมคิดว่าอาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ได้ เรื่องฝุ่น เราอย่าคาดหวังว่าภาครัฐจะแก้ปัญหาเองได้ทั้งหมด ผู้ว่าฯ มาแล้วก็ไป แต่ที่ยังอยู่นั้นไซร้คือประชาชน ขณะที่รัฐธรรมนูญเราก็อย่าคาดหวังกับภาครัฐเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญคือ ถ้าเราช่วยกันออกแรง การแก้ปัญหาก็จะสำเร็จ” นายสมชาย กล่าว

นายนิคม กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถ้าใช้ไปสักพักคนที่ไม่มีหนี้เดี๋ยวจะมีหนี้ ส่วนคนที่มีหนี้เดี๋ยวจะล้มละลาย รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้การเมืองและรัฐบาลอ่อนแอ เมื่อสิ่งเหล่านี้อ่อนแอใครจะเชื่อมั่นมาลงทุน นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังไม่มีความเป็นธรรม การเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนต้องการให้พรรคนี้ได้เป็นรัฐบาล แต่เมื่อผลออกมาพรรคที่เราเลือกได้ส.ส.มากที่สุดกลับไม่ได้เป็นรัฐบาล

นี่คือความไม่เป็นธรรมที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ ออกแบบมาเพื่อให้เกิดการสืบทอดอำนาจ ดูจากการให้ ส.ว.250 คนมาร่วมเลือกนายกฯ ด้วย ตราบใดที่ควาเป็นธรรมไม่มี ความสามัคคีก็ไม่เกิด กฎหมายควรเป็นกฎหมายเดียวกัน ไม่ใช่มีคนบางกลุ่มอยู่เหนือกฎหมาย ตนอยากให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นฉบับที่ทำให้คนไทยรักกัน สามัคคีกัน

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องช้เวลาอีกยาวนาน ไม่ได้จบเพียงแค่การรณรงค์แก้ไข ทั้งนี้ การเข้ามาขอผู้มีอำนาจได้สร้างปัญหาให้กับสังคมไทยพอสมควร เราเคยมีรัฐธรรมนูญที่คิดว่าดีที่สุดฉบับหนึ่งคือ ปี 40 เราได้พบการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของพี่น้องประชาชนพอสมควร ต่อมาเราได้เผชิญกับการใช้กฎหมายของฝ่ายคณะรัฐประหารตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์แล้วว่าการบริหารที่สามารถควบคุมชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ เรามีข้อเปรียบเทียบแล้วว่าเราอยู่ภายใต้กฎกติกาแบบใดแล้วชีวิตของพี่น้องประชาชนมีความสุข วันนี้เป็นก้าวแรกที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมาร่วมกับประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ประชาชนคือคนที่ได้รับผลกระทบจากกระบบการเมืองการปกครอง

ดังนั้นเรามีสิทธิท่ีจะลุกขึ้นมาแสดงออก เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่วันนี้เรามีคนบริหารประเทศคนเดิม คณะทำงานชุดเดิม แล้วเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างใด ตนคิดว่าการสร้างฉันทามติของสังคมให้เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะวันนี้เขาปิดปากเรา ปิดโอกาสไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญด้วยผลประชามติที่ไม่เสรีและเป็นธรรม ฝ่ายการเมืองเรามีหน้าที่จะต้องเปิดพื้นที่ให้เกิดการถกเถียง ตนเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หากไม่แก้รัฐธรรมนูญจะไม่สามารถแก้ไขวิกฤติประเทศ และปัญหาเศรษฐกิจได้

ทั้งนี้ ตนคิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนญ และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนสามารถหาทางออกไปพร้อมกันได้ จากนี้ไปพรรคฝ่ายค้านเราจะเคลื่อนไปทั้ง 4 ภาค และจะเคลื่อนต่อๆไป เราจึงอยากเชิญชวนฝ่ายวิชาการ นักศึกษา และพี่น้องประชาชนมาร่วมกันหาทางออกจากวิกฤติร่วมกัน ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระประชาชน พลังของประชาชนใหญ่และมหาศาล แค่เราต้องหารพลังในการแสดงฉันทามติของประชาชน และต้องการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ท้ายที่สุดฝ่ายค้านจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสาธารณะ ส่วนจะแก้ไขได้หรือไม่ก็จะปรากฎสู่สายตาประชาชน หากใครออกมาคัดค้าน ก็จะได้รู้ว่าใครคือคนที่ปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับนี้บ้าง

นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไขยากด้วยเงื่อนไขต่าางๆ ชนิดที่เข็นครกขึ้นดอยปุยยังง่ายกว่า ดังนั้น ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ลำพังเสียง ส.ส.ไม่พอ เราต้องการเสียงของประชาชนด้วย ท้องถิ่นสามารถร่วมออกแบบรัฐธรรมนูญได้เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของเราเอง หลักการแก้ต้องให้เสียงของประชาชนเป็นใหญ่ ต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองทั้งปวง ต้องมีสภาฯ ที่เชื่อมโยงประชาชนอย่างมีระบบนิติรัฐ นิติธรรม และต้องมีรัฐบาลที่คำนึงถึงเสถียรภาพ และหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน ถึงเวลาแล้วที่เราต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดอนาคตของประเทศเรา

ด้าน น.ส.อนินท์ญา กล่าวว่า เราในฐานะนักเคลื่อนไหว และนักกิจกรรม สิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือการถูกคุกคามเสรีภาพ เวลาที่เราออกไปเคลื่อนไหว เราในฐานะนักศึกษาเราสามารถมีกิจกรรมที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ งดเว้นการแตะต้องหมวดที่ 1 และ 2 แต่กิจกรรมเราก็ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ เพราะเรายังถูกควบคุม ดังนั้นจึงขอร้องให้เลิกควบคุม ส่วนเหตุผลที่เราออกมาเคลื่อนไหว บอกตรงๆเลยคือ เราเกลียดทหาร ทุกวันนี้ถ้าจะให้เรียกพล.อ.ประยุทธ์ว่านายกฯ ยังรู้สึกสะอิดสะเอียน ท่านถามอาจารย์เราว่าทำไมเด็ก มช.ชอบประท้วงท่าน เราก็อยากถามว่าแล้วเหตุใดเราในฐานะประชาชนคนหนึ่งจะออกมาแสดงความคิดเห็นตามสิทธิ เสรีภาพไม่ได้ อยากบอกทหารว่าให้เลิกแทรกแซงทางการเมืองได้แล้ว

นายสุรยุทธ กล่าวว่า แม้รัฐธรรมนูญจะพูดถึงสิทธิ เสรีภาพในการแสดงความเห็น แต่ก็ถูกจำกัดด้วยคำว่า “ภัยต่อความมั่นคง” ซึ่งตนในฐานะนักศึกษาก็ไม่ทราบว่าความมั่นคงที่ว่าคืออะไร หรือคือความมั่นคงของรัฐบาล เราอยากให้รัฐบาลลบภาพคำว่า นักศึกษาและประชาชนไม่เข้าใจการเมือง และไม่พร้อมกับการขับเคลื่อนพัฒนาระบอบประชาธิปไตย

วันนี้สิ่งที่นักศึกษาต้องทำ คือต้องตั้งมั่น และเชื่อว่าประชาธิปไตยจะผลิดอกออกผลนสังคมไทยได้ เราศึกษากฎหมายตามระบบและครรลองของประชาธิปไตย ไม่ใช่ให้ใครมาครอบงำเราได้ เราต้องไม่เกรงกลัวต่ออำนาจที่ข่มขู่เรา เราต้องเชื่อว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนจริงๆ โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอก แต่เราต้องเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจ และใช้อำนาจอธิปไตยของเรา ทั้งนี้ เราจะร่วมรณรงค์เพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อย่างแท้จริง


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน