วันที่ 6 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวถึงการเดินทางไปประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา วันที่ 7 ส.ค.ว่า มีหลายประเด็นที่ต้องหารือกัน เช่น การสัญจรข้ามแดน การค้ามนุษย์ การเกษตร ขอสื่ออย่าจับประเด็นเล็กน้อยมาเสนอข่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงข้อสั่งการให้ชะลอโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัม ขนาด 24 เมกะวัตต์ ในกัมพูชาออกไปก่อนว่า เดิมทีฝ่ายปฏิบัติหารือกันแล้วเสนอให้รัฐบาลสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 24 เมกะวัตต์ อาจถือว่ามีกำลังผลิตน้อย แต่ก็ต้องแยกระหว่างเรื่องน้ำกับเรื่องไฟ ถ้ามองถึงการใช้ประโยชน์ด้านน้ำ ก็จะต้องหารือกัน โดยโรงไฟฟ้าเป็นการลงทุนของบริษัทไทยกับรัฐบาลกัมพูชา จึงต้องยึดกติกาของรัฐบาลกัมพูชา

“ยืนยันว่าผมไม่รู้จักใครทั้งสิ้น ใครรู้จักแต่นายกฯไม่รู้จัก ก็ไม่อนุมัติให้อยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของกลไก กติกา เรื่องนี้กัมพูชามีน้ำใจบอกว่าหากไทยอยากได้น้ำก็ให้ลงทุนตรงโน้นตรงนี้ เมื่อมีน้ำก็ต้องสร้างโรงส่งน้ำด้วย เมื่อลงทุนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น จึงอยู่ที่เราจะรับได้หรือไม่ ถ้ารับไม่ได้ก็ให้ศึกษาก่อน ไม่ใช่จะเออออห่อหมกทุกเรื่อง ยืนยันจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อใครคนใดคนหนึ่ง ใครนั่งหน้าห้องใครผมไม่รู้ ไม่มีส่วนตัว ถ้านายกฯไม่อนุมัติและไม่เอาเข้า ครม.ก็จบ”

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าช่วงเช้านายกฯทั้งสองประเทศมีกำหนดหารือทวิภาคี และเป็นประธานร่วมในการประชุมร่วมนายกฯและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-กัมพูชา ช่วงบ่ายนายกฯจะเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จวิบูลเสนาภักดี สาย ชุม ประธานวุฒิสภา และรักษาการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี และวางพวงมาลาถวายสักการะแด่พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ

จากนั้น นายกฯทั้งสองจะร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดสวนมิตรภาพกัมพูชา-ไทย และร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสาร 2 ฉบับ ได้แก่ (1) แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมร่วมนายกฯและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์จะขยายความร่วมมือภายใต้หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (2) ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ภาคเอกชนของทั้งสองฝ่าย และส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันต่อไป โดยนายกฯและคณะจะเดินทางกลับในเวลา 17.15 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน