‘สุทิน’ ชี้ตนเป็นเครื่องบินนำล่อง ซัดความไร้ประสิทธิภาพการบริหารประเทศรัฐบาล เชือดนายกฯกลางสภา ปมขบวนเสด็จฯ ‘ไพบูลย์’ ปรี๊ด ป่วนประท้วงอีกรอบ

เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้น ภายหลังการกล่าวเปิดญัตติอภิปรายของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน เวลา 11.14 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ลุกอภิปรายว่า ตนมาแจ้งกำหนดการเพื่อให้รัฐมนตรีเตรียมตัวถูก ทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องบินนำร่อง โดยจะมีเครื่องบินอื่นบินตามมาอีกประมาณ 37 คน และหมอชลน่าน จะทำหน้าที่เป็นเครื่องบินเก็บกวาดอีกครั้ง

ในบรรดาข้อกล่าวหาทั้งหมด พวกตนไม่ได้อคติ แต่จะชี้ให้เห็นว่าความล้มเหลวของรัฐบาลเป็นอย่างไร เช่น ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ จะเอาหัวใจของประชาชน และเรื่องที่หนีไม่พ้นคือเรื่องโควิด วิธีคิดของท่านมีปัญหา ต่างชาติไม่ยอมรับท่าน และเรื่องใหญ่สุดคือไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ เอื้อพวกพ้อง บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนจะล้มก็ยังเอื้อพวกพ้อง ขาดจริยธรรม และสุดท้ายความล้มเหลว

ในวันนี้จะพูดถึงความล้มเหลว แต่จะพูดลอยๆ ไม่ได้ รายงานเศรษฐกิจตรงกันหมด ไทยเป็นประเทศที่เศรษฐกิจล้มเหลวที่สุด ต้องยอมรับว่านายกฯ โชคดีที่มีพอเกิดวิกฤตเรื่องนี้ก็มีเรื่องอื่นมาช่วย ถ้าเป็นรัฐบาลคนอื่นไปแล้ว สภาพัฒน์กล้าหาญมากที่แถลงก่อนอภิปราย แต่วันนี้ไปดูลบแล้ว ไม่รู้ว่าใครไปต่อว่า ตัวเลขมหภาคไปแสดงตรงไหน ก็ไปแสดงตรงหนี้ประเทศ หากตัด 50% ของมหาเศรษฐีออก จะเหลือไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของชาวบ้าน ซึ่งในวันนี้ตัวเลขมหภาคทุกตัวตกต่ำ

วันนี้เป็นยุคลำบากที่สุด ลำบากทุกระดับ สินค้าเกษตรกรตกต่ำ ที่ผ่านมาเกษตรกรส่งลูกมาทำงานโรงงาน ด้านอุตสาหกรรมก็ล้มเหลว คนงานต้องกลับไปอยู่บ้าน กลับไปอยู่บ้านแล้วไปทำอะไร เคยเตือนนายกฯ ไปแล้วสิ่งตกต่ำที่สุดคือหนี้ 5 ประเภท และก็จะสูงขึ้นอีก เหมือนครั้งที่แล้ว นายจิรายุ บอกว่าท่านเป็นนักกู้ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้ช็อตเพิ่มขึ้น แบงก์ชาติบอกว่าหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบไปยังพ่อค้าแม่ค้า และหนี้สุดท้ายคือหนี้ครัวเรือน ชาวบ้านไม่มีจะกิน หากต้องอธิบายสภาพชาวบ้าน อยากจะตะโกนดังๆ หากไม่ผิดข้อบังคับ ว่าชาวบ้านจะตายกันหมดแล้ว

นายสุทิน กล่าวต่อว่า เรื่องปัญหาสังคมพอไม่มีอยู่ไม่มีกิน หากไปดูสถิติที่กรมพัฒนาสังคม พบว่ามีการหย่ากันทุกวัน ครอบครัวแตก ทะเลาะกันทุกวัน แล้วลูกอยู่ไหน เด็กครึ่งต่อครึ่งเด็กที่มาเรียนอยู่กับตากับยาย พ่อแม่ไปทำงานที่อื่นบ้าง และปัญหาต่อมาคือการติดยา พร้อมทั้งยังมีปัญหาอาชญากรรม

วันนี้ปัญหาบ่อนเพิ่มขึ้น บ่อนนอกจะเป็นปัญหาจี้ปล้นวิ่งราว จะไปถามใครก็ได้ว่ายาเสพติดมีเยอะ หากตนพูดจริงกดหนึ่ง พูดไม่จริงกดสอง และอย่าพูดว่าจับเยอะ เพราะมันเยอะ ท่านล้มเหลวมากที่ปล่อยให้สังคมเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นบ่อนเต็มเมือง ยาเสพติดเต็มบ้าน ท่านรับสารภาพวันนี้ชาวบ้านอยู่กันอย่างไร ตนเปิดโรงเรียนให้เด็กมาเรียนฟรี ก็ยังไม่มา เพราะพ่อแม่บางคนไม่มีเงินให้ลูกมาเรียน มากินข้าว ซ้ำไปกว่านั้นคือการติดยา แม่มีเงินร้อยบาทก็แบ่งให้ลูกซื้อยา

นายสุทิน กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาโควิดระบาด ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ในการแก้ปัญหาต้นน้ำ โควิดเข้ามาจากทางพม่า มาจากแรงงานเถื่อน ประชาชนการ์ดไม่ตก ท่านการ์ดตกเอง กลางน้ำ เยียวยากันอย่างไร ยอดพุ่งขึ้น บางวันยอดลง คนจนไม่ได้ คนรวยได้ ปลายน้ำจะเอาอย่างไรกับอนาคตโควิด เมื่อไหร่จะผ่านไปได้

วัคซีนคือคำตอบ มนุษยชาติรอความหวังจากวัคซีน วัคซีนมีอยู่ 3 วิธีการ การหาวัคซีนซื้อเขา ผลิตเอง บริจาค ซึ่งผลิตเองก็ยังไม่ได้ ซื้อเขา รัฐมนตรีก็บอกว่าซื้อไม่ได้ ต้องไปมัดจำเขา แต่ท่านบอกว่าติดกฎหมายที่ไทยไม่เหมือนกัน กฎหมายตัวไหน สภามีไว้ทำไม หากมีปัญหาก็เอามาแก้ สภาจะแก้กฎหมายให้ ฝ่ายค้านจะยกมือให้หากเอาเงินไปมัดจำเขาเพื่อได้วัคซีนมาให้กับประชาชน ทำให้คนมั่นใจในชีวิต เกิดกิจกรรมเศรษฐกิจ ทำไมเอาเงินไปมัดจำถุงยางได้ แต่ทำไมเอาเงินมามัดจำวัคซีนไม่ได้ ลาว พม่า เขมรได้แล้ว ที่ได้เพราะจีนบริจาค เราทำไมไม่ขอบริจาคจากจีนบ้าง ไหนบอกมีสัมพันธ์ที่ดีกับจีน

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ความล้มเหลวมาจาก 8 อย่างต่อไปนี้ ความคิดนายกฯ มีปัญหา ปัญหาต่อมาคืออุปสรรคที่แก้ปัญหาไม่ได้ ผู้นำที่มีปมด้อยก็ทำให้ประเทศมีปมด้อยด้วย ไปเยี่ยมประเทศไหนบ้างที่เขายอมรับอย่างสมเกียรติ ไม่มี นายกฯหญิงของไทยคนก่อนท่านไปไหนกองทัพอกสามศอกเขาก็ออกมาตั้งแถวต้อนรับ นี่เป็นปัญหาของรายได้ประเทศหายไป 70% ซึ่งเกิดจากการยอมรับของความสัมพันธ์ที่ดีของประเทศ

ฉะนั้นการไม่ยอมรับของต่างประเทศเป็นความล้มเหลว เมื่อต่างชาติไม่ยอมรับ อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ตนกำลังจะบอกว่าความไร้ประสิทธิภาพของนายกฯ คือหาเงินไม่เป็น หากหาเงินเป็น 70% จะไม่หาย แล้วมาเก็บภาษีเพิ่มกับประชาชน

ฉะนั้นท่านได้อย่างเดียวคือมาหาเงินในประเทศ บวกกับราคาสินค้า และในที่สุดก็ต้องกู้ อยู่ด้วยการกู้ ปีที่แล้วกู้มากที่สุด ทำให้เงินค้างท่อ ใช้ไม่ทัน ที่สำคัญที่สุดการใช้เงินไม่เป็น ขอกู้ปี 63 ไม่พอ มาขอกู้ฉุกเฉินอีก ทุจริตคือความล้มเหลวในการแก้ปัญหาประเทศ ล่าสุดปีนี้จีพีไอ คอรัปชั่น คะแนนความโปร่งใสอยู่ที่ 36 แสดงว่าความทุจริตยังมีอยู่มาก หากชี้แจงได้พวกตนก็ไม่ติดใจอะไร การโกงทุจริตเชิงนโยบายมีทั่วประเทศ เช่นโครงการการแก้ปัญหาภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งมีปัญหาต่อกลไกตลาด

“หากจะสงสัยว่าบริหารประเทศมาสองปีเอาเงินไปซุกไว้ไหน ก็ไม่ผิด เพราะไม่แสดงทรัพย์สิน พวกผมนั่งอยู่ตรงนี้แสดงกันหมด ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ในการเยียวยาคนจนไม่ได้ คนรวยได้ ยุคนายกประยุทธ์ ปี 63 ฟันหลอ ไม่มีข้อมูลความจำเป็นขั้นพื้นฐาน หรือจปฐ. ปี 61-62 ที่ผ่านมามีหมด หากมีตรงนี้ก็จะสามารถเยียวยาได้ตรงจุด เอื้อพวกพ้อง หากใครเป็นพวกท่านท่านก็เอื้อ

เช่น การสร้างรถไฟจากรังสิต สร้างเท่าไรก็ไม่เสร็จจนสนิมเกาะ พอมาปี 63 ก็มีการทุบเสา โฮปเวลล์จึงฟ้อง และต้องจ่ายค่าสัญญา สองหมื่นห้าพันกว่าล้นบาท เรียกว่าค่าโง่โฮปเวลล์คล้ายกับเรื่องเหมืองทองอัครา เรื่องโฮปเวลล์ต้องดูว่าช่วยใคร ช่วยโฮปเวลล์ ช่วยรัฐบาล หรือช่วยใคร เรื่องนี้รัฐมนตรีคมนาคมต้องลุกขึ้นมาตอบว่าอยู่ในขั้นตอนของศาล” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ขาดจริยธรรม ทำผิดแล้วไม่รับผิดชอบ โยนความผิดให้คนอื่น เช่น เหมืองทองอัครา ที่เปิดออกมาคนตามดูและอยู่ในความทรงจำ ทุกคนติดตาม ใครจะบอกว่าเอาเรื่องเก่ามาพูด อันนี้ยอมรับ แต่นี่คือการกัดไม่ปล่อย เรื่องป.ป.ช.ก็ไม่ชี้แจงทรัพย์สิน นอกจากเรื่องเหมืองอัคราที่ทำให้การบริหารล้มเหลวก็คือเรื่องการเมือง ที่เป็นเรื่องใหญ่

การเมืองของประยุทธ์นอกจากไม่สร้างการเมืองที่ดีเมือนที่เคยพูดไว้แล้วยังดึงการเมืองย้อนหลังไป ยุคนี้เป็นบานาน่าเดโมเครซี่ ประชาธิปไตยแบบกล้วยๆ ท่านดึงประเทศกลับไปแบบนี้ถามว่าท่านชนะพวกตนใช่ไหม ใช่ เพราะท่านสามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่กล้วยจะกลับเข้าไปจ่อปากท่าน ไม่รู้ว่ากี่พรรค ต่อให้ใครเป็นนายกฯ ก็ไม่รอด คนดีก็อยู่กับท่านไม่ได้ ท่านสร้างการเมืองแบบใหม่

ถ้าการเมืองเป็นแบบนี้ เพราะต่างชาติเขารู้ เดี๋ยวก็มีสงครามการเมืองอีก อย่าไปลงทุน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีชุดนี้นอกจากไม่ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประเทศตามนโยบายที่ให้ไว้แล้วทำลายการเมืองลงไปย่อยยับ ไหนที่บอกว่าการเมืองแบบใหม่ ไม่มี แล้วการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร การเมืองจะปรากฏรูปโฉมแบบไหน ถามทุกว่าถ้าการเมืองครั้งหน้าหากเป็นอยู่แบบนี้จะเอาไหน ก็ต้องเอาหากไม่แก้รัฐธรรมนูญ สัญญาณการเมืองวันนี้ไม่มีสัญญาณว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี

นายสุทิน ยังอภิปรายตอนหนึ่งถึงเหตุผลการใส่เรื่องสถาบันฯ ในญัตติอภิปราย โดยระบุว่า “ทำไมต้องมีญัตติแบบนี้ เมื่อก่อนไม่เคยมี เพราะเมื่อก่อนมันไม่มีเหตุการณ์แบบนี้กับสถานบันฯ นายกฯ กี่คนที่ผ่านมา ไล่ไปตั้งแต่ในอดีต เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับสถานบันฯ หรือไม่ ผมจะพูดในมุมที่พวกผมปกป้อง ผมเคยเตือนท่านนายกฯ ในเรื่องถวายสัตย์ฯมาแล้ว”

ทำให้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงทันที ระบุว่า นายสุทินนำสถาบันฯ มาอภิปรายโดยไม่จำเป็น เพราะไม่ได้อยู่ในญัตติ แต่ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ให้นายสุทิน อภิปรายต่อ โดยระบุว่า การอภิปรายยังอยู่ในญัตติ และการเอ่ยถึงสถาบันไม่ได้สร้างความเสียหาย

นายสุทิน อภิปรายว่า “พวกผมคิดแล้วคิดกันอีก เรื่องนี้ต้องมีญัตติ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ต้องเตือนกัน เราเตือนแล้วตั้งแต่ตอนถวายสัตย์ฯไม่ครบ พอเกิดเรื่องก็ยังแนะนำให้ท่านเสียสละตัดไฟแต่ต้นลม อย่าให้เลยป้าย เหตุการณ์ขบวนเสด็จฯ ถ้าเป็นนายกฯ คนอื่นลาออกแล้ว แล้วมาตรวจสอบภายหลัง แต่นี่มาชี้หน้าด่าคนอื่นเฉย อันนี้ไม่ดีเลย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน