‘ปกรณ์วุฒิ’ ฉะกรมโยธาฯ เขียนบรรทัดเดียว ของบโครงการสนับสนุนกิจกรรมพิเศษหลวง 1,469 ล้านบาท ชี้กรมการปกครองสร้างหอกระจายข่าว หวั่นตกยุคซ้ำรอยโทรเลข

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2564 นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ได้ตั้งคำถามกับหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย เรื่องงบประมาณของกรมการปกครอง และกรมโยธาธิการและผังเมือง ว่า งบก่อสร้างหลายโครงการใช้งบประมาณค่อนข้างมากและเป็นโครงการผูกพันงบประมาณหลายปี ดังนั้น โครงการที่ไม่จำเป็นต่อสถานการณ์ในขณะนี้ควรต้องตัดทิ้ง เช่น กรมการปกครอง มีการตั้งงบประมาณก่อสร้างกองร้อยอาสาดินแดน ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ รวมแล้วประมาณ 60 แห่ง งบประมาณ 360 กว่าล้านบาท การสร้างกองร้อยอาสาดินแดนมีความจำเป็นเร่งด่วนขนาดไหน หากงบประมาณส่วนนี้ถูกนำไปให้เป็นเบี้ยเลี้ยงดูแลสวัสดิการให้อาสาสมัคร ยังเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมมากกว่านี้

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ มีการตั้งงบประมาณสร้างหอกระจายข่าวจำนวน 40 ล้านบาท ปีที่แล้วของบประมาณก่อสร้างด้านนี้ไป 500 แห่ง ปีนี้ขอสร้างอีก 250 แห่ง ปัจจุบันเรามีหอกระจายข่าวจำนวนทั้งหมดเท่าใด แล้วต้องมีจำนวนเท่าใดถึงจะเพียงพอ ในขณะที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าขึ้นทุกวัน เข้าใจดีว่าประชาชนอาจไม่ได้เข้าถึงสมาร์ทโฟนกันทุกคน แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราน่าจะสามารถหาวิธีที่มีประสิทธิภาพได้มากกว่านี้หรือไม่ เพราะในที่สุดมีความเป็นไปได้ว่าหอกระจายข่าวจะกลายเป็นแบบโทรเลขที่จะไม่ได้มีการใช้งาน

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวอีกว่า งบประมาณที่เห็นว่าจำเป็นต้องตัดคืองบประมาณสำหรับหอประชุมอำเภอจำนวน 10 แห่ง ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 73 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ในปีนี้การประชุมที่เจอหน้ากันอาจทำได้ยากหรือแทบจะทำไม่ได้เลย การตั้งงบประมาณสร้างในส่วนนี้อาจยังไม่เหมาะสม และยิ่งมีการนำงบประมาณไปสร้างสนามกีฬาในวิทยาลัยการปกครองอีกเกือบ 40 ล้านบาท ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมเช่นกัน

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ในส่วนงบประมาณที่ใช้ก่อสร้างที่ว่าการอำเภอแห่งใหม่จำนวน 12 แห่ง แห่งละประมาณ 27 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 300 ล้านบาท มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ เหตุใดต้องใช้งบประมาณมากขนาดนี้ในการสร้าง และงบประมาณสำหรับอาคารที่พักผู้เดินทางและอเนกประสงค์ ศูนย์บริหารศาสนาอิสลาม เขตหนองจอก ซึ่งตั้งงบประมาณมาแล้ว 2 ปี แต่ยังเบิกจ่ายไม่ได้เลยแม้แต่บาทเดียว ดังนั้น งบประมาณที่มาขอสำหรับก่อสร้างจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะเบิกจ่ายได้ และในสถานการณ์ขณะนี้จะใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย โครงการสนับสนุนกิจกรรมพิเศษหลวงนั้น เอกสารชี้แจงไม่มีรายละเอียดอะไรที่ชัดเจนเลย เขียนมาแค่ 1 บรรทัด เป็นค่าสิ่งก่อสร้างสนับสนุนโครงการพิเศษหลวง 1 โครงการ 935.722 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาสนับสนุนโครงการพิเศษหลวง 1 โครงการ จำนวน 533.6 ล้านบาท ทั้งที่ในหน้าเดียวกัน โครงการอื่นบอกละเอียดถึงขั้นว่ามีการซ่อมโรงจอดรถ 4 ล้านบาท แล้วทำไมโครงการที่ใช้งบประมาณเป็นพันล้านบาทถึงไม่มีการบอกรายละเอียด

“งบประมาณที่นำไปใช้ต้องถูกตรวจสอบได้ทุกบาททุกสตางค์ ถ้าไม่สามารถชี้แจงได้ก็จำเป็นต้องตัดทั้งหมด มิเช่นนั้นงบประมาณก้อนนี้จะไม่มีความโปร่งใสเลย ประชาชนจะไม่มีสิทธิรู้เลยว่านำเงินงบประมาณจากภาษีประชาชนไปใช้ทำอะไรบ้าง ไปผ่านมือใครบ้าง เอกชนรายใดได้รับอนุมัติโครงการ” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน