ภูมิใจไทย ซัด กมธ.แก้รธน. ซีกปชป. แปรญัตติผิดข้อบังคับ เพิ่มข้อความเกินกว่าที่เสนอแก้ไข ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หวั่นทำฝ่ายนิติบัญญัติมีมลทิน ชี้ช่องส่งศาลรธน.ตีความได้

เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2564 ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่… พ.ศ. … (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) แถลงว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาของกมธ. เพราะไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย จึงสงวนความเห็นเสนอต่อที่ประชุมกมธ.

เนื่องจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ที่เสนอแก้ไขมาตรา 83 และ 91 ซึ่งเป็นร่างเดียวที่ที่ประชุมรัฐสภารับร่าง หมายความว่าไม่รับร่างอื่น นั่นคือเจตนารมณ์ของรัฐสภาที่ไม่ประสงค์แก้ไขมาตราอื่น

แต่ปรากฎว่าการพิจารณาของกมธ. มีเหตุการณ์ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อนอย่างมากมาย คือ การเสนอความเห็น และแปรญัตติ ซึ่งตนคิดว่าไม่ได้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาปี 2563 ข้อที่ 124 เพราะในการพิจารณา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ กมธ.จากปชป. เสนอแก้ไขเพิ่มเติมความ และมาตราเพิ่มเติมขึ้นมา มีการหยิบเอาถ้อยคำ ข้อความ และมาตรา ที่อยู่ในร่างของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และพรรคเพื่อไทย(พท.) ซึ่งรัฐสภาไม่ได้รับหลักการนั้น และร่างได้ตกไปแล้ว มาหยิบใส่ในร่างนี้เพื่อพิจารณาด้วย

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ซึ่งเป็นคนเสนอร่างให้แก้เฉพาะมาตรา 83 และ 91 ยังแปรญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติม โดยหยิบเอาความที่ไม่ปรากฎเข้ามาแปรญัตติเพิ่มเติม ซึ่งกรณีแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในสถาบันนิติบัญญัติ

“สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือสมาชิกไม่ได้ทำในสิ่งที่เรียกว่านิติวิธี และยังทำผิดหลักนิติธรรม ซึ่งที่ไม่เหมาะสม เป็นการกระทำโดยมิชอบ ผมไม่สนใจว่าระบบเลือกตั้งจะเป็นบัตรกี่ใบ แต่วันนี้สถาบันแห่งนี้จะต้องดำรงไว้ตลอดไป เราไม่ควรเอาความประสงค์ของแต่ละพรรคเป็นตัวตั้ง แล้วเอาสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาทำเพื่อประโยชน์ของพรรคเอง สิ่งนี้ ภท.ปฏิเสธตลอด” นายศุภชัย กล่าว

เรายืนยันในจุดยืนเดิมว่าไม่ควรแก้เรื่องระบบเลือกตั้งกันในห้วงเวลานี้ เพราะเป็นประโยชน์ของพรรค แต่ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน และกระบวนการวิธีก็ไม่ชอบด้วยข้อกฎหมาย สุ่มเสี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดประมวลจริยธรรมร้ายแรงของสมาชิกทั้ง ส.ส. และส.ว.

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า การดำเนินการของกมธ.ชุดนี้ ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย ถ้าพิจารณาสร็จและส่งเข้ารัฐสภา ตนคิดว่าจะกลายเป็นมลทินต่อรัฐสภาแห่งนี้ เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยประโยชน์ ตนไม่อยากให้มีบรรยากาศพวกมากลากไป และเรื่องนี้ กว่าจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ที่สุดแล้วอาจต้องให้ศาลรัฐธรมนูญวินิจฉัย ซึ่งตนไม่อยากร่วมกระบวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้

เมื่อถามว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องนี้หรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น เพราะกฎหมายเมื่อผ่านวาระ 3 แล้ว สมาชิกมีสิทธิ์ยื่นศาลรัฐธรรมนูญก่อนนำทูลเกล้าฯ แต่ระหว่างนี้หากมีประเด็นเรื่องข้อบังคับ สามารถยื่นให้สภาวินิจฉัยก่อนตามมาตรา 151

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน