ปิยบุตรยกเหตุผลม.112 ต้องยกเลิก เหตุมีปัญหา เน้นคุมอาชญากรรมทางความคิด ทั่วโลกไม่ทำกันแล้ว เชิญช่วยกันผลักดัน คุยกับคนเห็นต่าง วอนหยุดถากถางกันเอง

วันที่ 3 พ.ย.2564 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า จัดรายการพิเศษในแอปพลิเคชั่น คลับเฮาส์ และเฟซบุ๊กคณะก้าวหน้า เรื่อง “หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย” วิเคราะห์ประเด็นปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จุดยืนของคณะก้าวหน้า และแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่การรณรงค์สนับสนุนกระบวนการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเน้นย้ำว่าต้องถูกยกเลิกไป

โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า ที่ม.112 ต้องถูกยกเลิกไปนั้น เนื่องจากเป็นมาตราที่มีปัญหาทั้งในเรื่องของตัวบท การบังคับใช้และอุดมการณ์เบื้องหลัง ในประเด็นปัญหาเกี่ยวกับตัวบท การอยู่ในหมวดของความมั่นคงในราชอาณาจักร ทำให้แนวทางการวินิจฉัยคดีเป็นเรื่องของการควบคุมอาชญากรรมมากกว่าการรักษาสิทธิเสรีภาพของ ประชาชน นำไปสู่ทิศทางที่มักไม่ให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว หรือมีการเรียกหลักประกันที่สูงมาก

ถ้าอุดมการณ์ที่ฝังรากลึกอยู่ในประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยจริง มาตรา 112 จะมีไว้ แต่อาจจะไม่ใช้ก็ได้ มันอาจจะกลายเป็นกฎหมายที่นอนหลับอยู่เฉยๆ เรามองเป็นอื่นไปไม่ได้เลยว่าสุดท้ายแล้วมาตรา 112 จะถูกใช้หรือไม่ถูกใช้ ขึ้นอยู่กับบริบททางการเมือง อย่างทุกวันนี้สถิติการดำเนินคดีมาตรา 112 เกิดขึ้นกว่า 150 กว่าคดีแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่ามาตรา 112 มันไม่ใช่ตัวบทกฎหมายแบบธรรมดา แต่มันจะถูกฟื้นชีวิตขึ้นมาเมื่อไรขึ้นอยู่กับบริบททางการเมืองด้วย

โดยทิศทางของโลกใบนี้ ความผิดที่เกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออกเริ่มถูกถอดออกจากความผิดทางอาญาแล้ว เหลือเพียงการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่ง หรือเป็นเพียงโทษปรับทางอาญาเท่านั้น และเป็นเพียงเรื่องทางแพ่งระหว่างบุคคลกับบุคคลไป บุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญของประเทศก็เช่นกัน กรณีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์หรือประมุขของรัฐ หลายประเทศมีแต่แนวโน้มที่จะยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาท

ถ้าไม่ยกเลิกก็ไม่ใช้ หรือถ้าใช้ก็แค่ปรับ หรือควรเป็นแค่คดีทางแพ่ง อาจจะเหลืออยู่ไม่กี่ประเทศที่เป็นปัญหา แต่ยืนยันว่าไม่มีประเทศไหนใช้การลงโทษแบบเดียวกับเรา ไม่ใช้การดำเนินคดีร้อยกว่าคดีอย่างประเทศไทยแน่นอน

สำหรับการจัดการมาตรา 112 อาจแบ่งได้เป็น 3 แนวทาง คือ 1.การแก้ไขในตัวบท เช่น การแก้ไขให้ลดโทษ หรือแก้เพื่อเพิ่มเหตุยกเว้นความผิด เพิ่มเหตุยกเว้นโทษ 2.กึ่งแก้กึ่งเลิก คือการไปเลิก 112 ทั้งมาตราก่อน แล้วจึงร่างกฎหมายฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ขึ้นมาใหม่ และ 3.การยกเลิกไปเลยอย่างที่มีการรณรงค์อยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการผลักดันเรื่องที่ทั้งยากและใหญ่ขนาดนี้ ต้องใช้พลังของทุกส่วนในการเข้ามาผลักดันร่วมกันทั้งในและนอกสภา การเข้าชื่อเป็นล้านจะช่วยทำให้เสียงของมหาชนถูกทำให้เป็นทางการ ทำให้มีพลังขึ้นมา ไม่ใช่กระจัดกระจายอยู่บนท้องถนน การรณรงค์รอบนี้จึงมีนัยยะสำคัญอย่างยิ่ง ยิ่งมีมากเท่าไหร่เรายิ่งมีโอกาสชนะ ยิ่งน้อยโอกาสสำเร็จก็มีน้อย พยายามทำให้ฝ่ายที่ไม่อยากแตะต้อง 112 กลายเป็นคนส่วนน้อยของสังคมให้ได้

นี่คือการสร้างฉันทามติในสังคม ซึ่งเรื่องนี้จะต้องรณรงค์อย่างต่อเนื่อง หาพวกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องไปคุยเพื่อให้เปลี่ยนใจ ดังนั้นท่าทีของการสื่อสารต้องมีความหลากหลาย นักวิชาการปัญญาชนที่สนับสนุนต้องมาช่วยกันสื่อสาร และที่สำคัญผู้ที่สนับสนุนพรรคการเมืองต่างพรรค ควรหยุดถากถางกันเอง โดยเฉพาะในฝ่ายพรรคก้าวไกลที่รณรงค์เรื่องนี้มาก่อน ควรแสดงความยินดีหากมีพรรคการเมืองอื่นมาร่วมผลักดันวาระสำคัญนี้ด้วยกัน

ส่วนผู้ที่ยังไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 112 ผู้ที่จงรักภักดีอย่างจริงใจหลายคน หากไม่หลอกตัวเองจนเกิดไปควรจะต้องเห็นปัญหาของการใช้มาตรา 112 และควรต้องเข้าใจว่าการรักษาสถาบันกษัตริย์ที่ดีที่สุดย่อมไม่ใช่การไล่ฟ้องไล่ขังคน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน