สนธิญา ร้องผู้ตรวจฯ ชงศาลรธน. วินิจฉัยเพื่อไทยหาเสียง กระเป๋าเงินดิจิทัล-ถมทะเล ขัดรัฐธรรมนูญ หวั่นเสียหายซ้ำรอยจำนำข้าว เข้าข่ายทำนโยบายให้ได้อำนาจปกครอง ต้องยุบพรรค

28 เม.ย. 66 – ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่าน นายอาจณรงค์ พุ่มงาม ผอ.ส่วนตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกลาง สำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดิน

ขอให้พิจารณาและมีความเห็นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ก. (2)(3) หรือไม่

นายสนธิญา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2565 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายหาเสียง 10 ข้อ ในจำนวนนั้น มีการประกาศนโยบายเรื่องการถมทะเลจากกรุงเทพมหานคร ไปยังจังหวัดสมุทรปราการ และสมุทรสาคร

ซึ่งตนเป็นคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องการถมทะเลของสมุทรสาคร พบว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความเสี่ยงในการดำเนินโครงการต่างๆ จึงเชื่อว่า การที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายนี้ ยังไม่ได้มีการศึกษาเรื่องความคุ้มค่าในการดำเนินนโยบาย ผลกระทบและความเสี่ยงที่จะเกิดจากการดำเนินนโยบาย

ขณะเดียวกัน ยังได้ประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัล 100,000 บาทให้คนไทย 55 ล้าน โดยระบุใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 20% ของจำนวนงบประมาณแผ่นดิน ขณะเดียวกันก็พบว่า เมื่อปี 2554 สมัย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาล ได้ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว และเกิดความเสียหาย เป็นเงินกว่า 8.84 ล้านบาท

ซึ่งปัจจุบัน การจัดทำงบประมาณของรัฐบาล ต้องมีการกันเงินราวๆ 3.5 หมื่นล้านบาทไปจ่ายให้กับธนาคารเพื่อชดใช้ความเสียหายในโครงการดังกล่าว ซึ่งต้องจ่ายต่อเนื่องไปถึงปี 2577 จึงเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล และเกรงว่าจะทำให้เกิดความเสียหายซ้ำรอยโครงการจำนำข้าว








Advertisement

“ผมไม่เชื่อมั่นการทำงานของ กกต. เพราะ กกต.ก็ไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่า นโยบายเหล่านี้ของพรรคการเมืองมีการจัดทำเรื่องความคุ้มค่า ความเสี่ยง ที่มาของงบฯ เป็นอย่างไร ขณะที่พรรคการเมืองเอง เมื่อประกาศนโยบายแล้วก็ไม่มีการให้รายละเอียดเรื่องนี้ต่อประชาชนอย่างชัดเจน

จึงเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักในการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ก. (2) ที่กำหนดให้การดำเนินการของพรรคการเมืองต้องเปิดเผย ตรวจสอบได้ และต้องมีกลไกที่กำหนดความรับผิดชอบของพรรคการเมืองในการประกาศนโยบายที่ได้มีการวิเคราะห์ ผลกระทบ ความคุ้มค่า และความเสี่ยงอย่างรอบด้าน จึงควรที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย” นายสนธิญา กล่าว

หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะไปเข้าลักษณะตามมาตรา 21 มาตรา 22 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดให้กรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่ควบคุม ดูแลรับผิดชอบการดำเนินกิจกรรมและการดำเนินนโยบายของพรรคให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด

เมื่อกรรมการบริหารพรรคไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดก็จะถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐบาลเป็นเหตุให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ตามมาตรา 92 ของกฎหมายเดียวกัน

นายสนธิญา ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้า จะไปทวงถามต่อ ป.ป.ช. กรณีที่ตนเคยยื่นขอให้มีการตรวจสอบ ส.ส.ที่ไม่เข้าประชุมสภาช่วงปี 2564 -2565 จำนวน 17 ครั้ง จนเป็นเหตุให้สภาล่ม เนื่องจากขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่เข้าร่วมประชุมในช่วงเวลาดังกล่าว มาให้ตนตามที่ยื่นหนังสือขอไว้ พบว่ามีถึง 171 คน

ซึ่งตนเห็นว่า การไม่เข้าร่วมประชุมถือว่า เข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นความผิดที่ป.ป.ช.ควรเร่งดำเนินการสอบสวนและชี้มูลเอาผิดเพราะทั้ง 171 คนยังลงสมัคร ส.ส. หากป.ป.ช.ล่าช้า ตนจะไปร้องต่อศาลปกครอง เพราะถ้าคนเหล่านี้ได้กลับเข้ามาเป็นส.ส. ก็จะส่งผลเสียต่อการมาทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน