สว.ลุยฟ้องแล้ว ถูกข่มขู่ทั้งส่วนตัว–คนในครอบครัว “เสรี” ฟัน 2 ทนายดัง “ทนายเดชา–ทนายอั๋น” เรียกรายละ 5 แสนบาท “สมชาย” อ้างโดนข้อความโจมตี 4 แสนครั้ง

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่รัฐสภา สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นำโดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ ,นายสมชาย แสวงการ ,นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ และ นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 ได้เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นในลักษณะที่มีการกระทำข่มขู่ คุกคาม จากคนบางกลุ่มหรือหลายๆคน

นายเสรี กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้เห็นได้ว่าสิ่งที่ส.ส. และ ส.ว. ได้ลงมติไม่เห็นชอบให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นกระบวนการทางรัฐสภาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่าพฤติกรรมของคนที่แสดงออกมาซึ่งความเกลียดชัง ความโกรธ ได้กระทำต่อส.ว.จำนวนมาก กระทบล่วงเลยไปถึงสิทธิส่วนบุคคลคนในครอบครัว ญาติ ลูกเมีย และกิจการที่ทำอยู่จำนวนมาก

ดังนั้น ส.ว.หลายท่านเห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร เป็นพฤติกรรมที่ยิ่งกว่าก้าวร้าว แสดงออกด้วยพฤติกรรมให้ร้ายคนอื่น ใช้ถ้อยคำหยาบคายดูถูก ดูหมิ่น ทำให้คนเกิดความเกรงกลัว มีพฤติกรรมอย่างนี้อยู่ตลอด และก้าวล่วงไปถึงการใช้ถ้อยคำ และพฤติกรรม ที่ไม่ควร และผิดกฎหมายต่อสถาบันหลายครั้ง การบังคับใช้กฎหมายไม่มีการแกรงกลัว ทุกคนอยากจะด่าใครก็ได้ ถ้าไม่พอใจใคร ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายที่เห็นต่าง ก็จะแสดงพฤติกรรมให้ร้ายคนอื่น

แม้แต่กลุ่มดารานักร้องนักแสดงที่ไม่เห็นตรงกับเขา ก็ไปกระทำการอันธพาลทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ลูกเด็กเล็กแดงในสังคมทั่วๆไปในโรงเรียน ก็จะถูกคนกลุ่มนี้คอยกดดัน ปัจจุบันเด็กๆตามโรงเรียนต่างๆ หากใครเป็นลูกหลานส.ว. หรือใครที่มีความเห็นต่าง ก็จะถูกกดันไม่ให้เด็กเหล่านี้อยู่ในกลุ่มตัวเอง ไม่ให้ทำกิจกรรมด้วย สิ่งเหล่านี้ลามไปทั่วทุกพื้นที่ในบ้านเมืองเรา ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนที่ทำเรื่องเหล่านี้ โดยมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังคอยยุยงส่งเสริมเด็กให้ทำแต่เรื่องผิดกฎหมายอ้างแต่เสรีภาพ และพรรคการเมืองเหล่านี้อยู่เบื้องหลังให้เด็กไปกระทำความผิด ด่าทอคนอื่น จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันจนถูกดำเนินคดีเสียอนาคต

“เรายอมปล่อยให้สิ่งเหล่านี้อยู่ในบ้านเมืองไทย สังคมไทยได้อย่างไร วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาพูดกันในเรื่องนี้ ต้องมาแสดงออกให้ชัดเจน ว่าต่อไปนี้ ส.ว.ไม่ทนแล้ว ไม่ทนพฤติกรรมการกระทำที่เลวร้ายแบบนี้ ทำลายชาติ ทำลายสังคม ทำลายวิถีชีวิตที่ดีงามของคนไทย สิ่งที่เกิดขึ้นในวุฒิสภา เราถูกด่าทออยู่ตลอดเวลา วันนี้ผมจะเริ่มต้นจากการดำเนินคดีกับคนที่ให้ร้ายดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่น ไม่เห็นความสำคัญในเสรีภาพของคนอื่น

ซึ่งผมได้ไปยื่นฟ้องต่อศาลแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (17 ก.ค.)ใน 2 คดี คนที่ถูกฟ้องคือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา กับ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น เรียกค่าเสียหายรายละ 5 แสนบาท พฤติกรรมเหล่านี้เราจะฟ้องก่อน 2 คดี เพื่อให้สังคมได้ตื่นรู้ว่าเสรีภาพเป็นของทุกคน ใครละเมิดทำร้ายคนอื่นด้วยถ้อยคำที่รุนแรงต้องรับผิดชอบ” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวด้วยว่า ส่วนลำดับต่อไปเราจะดำเนินคดีกับคนที่กล่าวให้ร้าย ไม่ว่าจะส่งข้อความทางโซเชียลหรืออะไรก็ตาม บางคนเข้าใจผิดคิดว่าไม่ใช่คำหมิ่นประมาท แต่ก็เป็นคำที่สร้างความเสียหาย หากไม่มีความผิดทางอาญาก็ต้องผิดทางแพ่ง พวกท่านไม่มีสิทธิด่าใคร เอ่ยชื่อใครให้เสียหาย ดังนั้น ทางโซเชียลทั้งหลายตอนนี้เราจะตรวจสอบให้หมด ใครทำร้ายกิจการงานของส.ว. เราจะดำเนินคดีให้หมด

ส่วนนี้คือการฟ้องคดีต่อศาล ขณะที่อีกส่วนคือการแจ้งความดำเนินคดี เราจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีเอาผิดเอาโทษกับคนที่ปากอยากจะพูดอะไรก็ได้ ให้ร้ายใครก็ได้ สังคมจะได้ตื่นตัว เราต้องช่วยกันที่จะกล้าออกมาต่อสู้กับคนพวกนี้ อย่าไปกลัว เพราะถ้ากลัวสังคมจะเกิดความเสื่อม

“กิจการงานต่างๆของส.ว. พวกเขาทำลิสต์รายการเลยว่ากิจการไหนที่จะให้คนไปบูลลี่ให้ร้ายเพื่อทำให้กิจการนั้นล่มสลาย ของผมโดนแล้วตลาดเสรี มีการส่งข้อความมาว่าร้ายแม่ค้าในตลาด จริงๆพวกนี้โง่ ไม่ฉลาด คนที่เขาลงคะแนนในพรรคการเมืองพรรคนี้ ก็คือพวกแม่ค้า ลูกค้า ที่เข้าตลาดผม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่คนเหล่านั้นทำเป็นเรื่องทำร้ายคนอื่น หรือแม้แต่กิจการหมอเส็ง ของ ส.ว.วิวรรธน์ ที่มีสาขาทั่วประเทศ คนของหมอเส็งเลือกพรรคก้าวไกลเกินครึ่ง แต่ก็ยังไปทำร้ายเขา เอาชื่อบริษัทเอาชื่อกิจการเขามาใส่บัญชี แล้วบอกว่าอย่าไปอุดหนุนเขา คุณอยากลิดรอนการทำหน้าที่ของส.ว. แต่อีกด้านคุณไม่คำนึงถึงว่าสิ่งที่คุณทำมันกระทบชีวิตพี่น้องประชาชนในการทำมาค้าขาย ไม่แยกการเมืองกับชีวิตส่วนตัว เอามาปนกันเพื่อสร้างมวลชนให้สนับสนุนคุณ ผลักดันให้คุณเป็นนายกฯ” นายเสรี กล่าว

ด้าน นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจค้นบัญชีผู้ใช้ต่างๆที่โจมตีให้ร้าย และคุกคามส.ว. โดยพวกเราจะฟ้องต่อศาล และแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งทางแพ่งและอาญา ยืนยันขณะนี้บุคคลที่กระทำผิดเราสามารถหาหลักฐานได้หมดแล้ว

“ภายหลังจากที่ส.ว.ลงมติโหวตแป๊บเดียว มีบัญชีผู้ใช้บุคคลคนเดียวยิงข้อความทั้งหมด 4 แสนครั้ง เรียนตามตรง เป็นไปไม่ได้ที่เป็นมนุษย์ทำ แต่คือโรบอท หรือ AI ซึ่งเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองบางพรรคที่รัฐไม่เท่าทัน เพื่อใช้ในการโจมตี ฉะนั้น แอคเคาท์หลุมตามกระแสถูกดำเนินคดีแน่นอน ไม่ต้องดอกไม้ ไม่มีขอขมา ราคาแพงที่ท่านต้องจ่าย เพราะนี่คือพฤติกรรมภัยคุกคามต่อครอบครัวของเรา ส.ว.บางท่านที่มีลูกสาวก็โดนขู่ว่าจะไปข่มขืนด้วย และเราตรวจเจอหมดแล้ว” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ขอประชาชนอย่ามีอารมณ์ร่วม ถามว่าเวลาผิดแล้วมีพรรคการเมืองมาประกันตัวให้หรือไม่ เห็นแต่ประกันบุคคลกระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ถ้าบอกว่ากระทำไปเพราะหลงผิด ถามว่าชี้แจงแบบนี้ได้หรือไม่ การกระทำผิดครั้งนี้ไม่ได้ใช้อาวุธปืน แต่เป็นการใช้เครื่องมือสื่อสารทำแทน

ขณะที่ นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ส.ว. กล่าวเสริมว่า ได้ปรึกษากับเพื่อนส.ว. ที่ได้รับผลกระทบถูกคุกคาม ภายหลังการโหวตนายพิธา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนคือ การฟ้องดำเนินคดีทางแพ่ง และทางอาญา ดังนั้น ไม่ว่าจะมีการคุกคามโดยผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็จะแจ้งความดำเนินคดีอาญา ถ้าหากมีผลกระทบต่อธุรกิจของส.ว. ก็ต้องฟ้องละเมิดทางแพ่ง เรียกได้ว่าทั้งเสียเงิน และติดคุก ต่อให้จะคุกคามแล้วเลี่ยงไปมา หรือคุกคามแล้วทำให้เกิดความเสียหายก็หนีไม่พ้นความผิดทั้งแพ่ง และอาญา

ยืนยันว่าส.ว.ที่ได้รับผลกระทบจะดำเนินคดีทุกคน ตนจะปรึกษาตำรวจไซเบอร์ว่าแต่ละความผิดเข้าองค์ประกอบทางแพ่งหรืออาญาบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนเป็นคนรักสถาบันอย่างมาก ตนไม่กลัวทัวร์ลง มาลงที่ตนเลย แต่ถ้าใครมาทำลายสถาบันต้องข้ามตนไปก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน