หมอ ฝากถึง ชลน่าน ขอให้คนไทยมีลูก ถามรัฐบาลกล้าลงทุนไหม ชี้ค่าใช้จ่ายเยอะ เปิด 5 ข้อเสนอ ถ้าสู้ราคาไม่ไหว ต้องยอมรับว่าอัตราการเจริญพันธุ์ของประชากรจะไม่ดี
หลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) ลุกชี้แจงนโยบายรัฐบาล ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งระบุว่า
“กระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปดูแลเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ เราต้องการใช้กระทรวงเราเป็นจุดกำเนิด จะผลักดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ มาดูเรื่องประชากรกันใหม่ครับ ลูกมากจะยากจนต้องเอาออกจากสมองคนไทย เป็นสิ่งที่กำลังบิดเบี้ยวในสังคมไทย” ซึ่งคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามเป็นจำนวนมาก
- ปกรณ์วุฒิ ตอกนิ่มๆ ชลน่าน ปมแต่งงานไม่มีลูก ชี้เป็นเรื่องของเขา
- ชลน่าน ดันวาระชาติ เพิ่มประชากร ชี้ทัศนะบิดเบี้ยว แต่งงานปุ๊บ บังคับสามีทำหมัน
ด้าน นพ.สลักธรรม โตจิราการ หรือ หมอหวาย บุตรชาย นพ.เหวง โตจิราการ และ นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำคนเสื้อแดง แสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าว ความว่า กรณีอาจารย์ชลน่าน กังวลเรื่องว่าคนไม่อยากมีลูกจนต้องไปทำหมัน
ผมว่าปัญหาอยู่ที่พอมีลูกสัก 1 คนในไทย หากต้องการเลี้ยงให้ดีมีต้นทุนสูงมาก ถ้าอยากให้คนมีลูกเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะกล้าลงทุนเพื่อให้คนมีลูกมากขึ้นไหม ยกตัวอย่างเช่น
- 1.เพิ่มค่าแรงและเงินเดือน คนจะได้มีเงินมาเลี้ยงลูกได้มากขึ้น มีเงินมาซื้อสิ่งของต่างๆเช่นหนังสือเด็ก ผ้าอ้อม ชุดเด็กได้มากขึ้น มีเงินสำรองตอนหยุดทำงานเลี้ยงลูกได้มากขึ้น
- 2. ให้แม่และ/หรือพ่อทั้งในภาครัฐและเอกชนหยุดงานแบบมีเงินเดือนได้ 1ปี คือจนลูกเข้าเนอเซอรี่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องส่งไปต่างจังหวัดให้ปู่ย่าตายายที่ไม่แข็งแรงแล้วเป็นคนเลี้ยง และกรณีเอกชนควรมีสิทธิ์เอาเงินเดือนที่จ่ายให้พนักงานมาหักภาษีได้
- 3. เพิ่มเงินเดือนให้ครูโรงเรียนรัฐตั้งแต่เนอเซอรี่ไปจนถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็น4-5เท่าของที่เป็นตอนนี้ พร้อมกับลดงานเอกสารให้เหลือน้อยที่สุด แต่ต้องมีเกณฑ์การสอบเข้าที่เข้มงวดกว่านี้
- 4.ค่าเล่าเรียนถ้าเรียนโรงเรียนรัฐให้ฟรีหมด ชุดนักเรียนไม่ต้องบังคับใส่ทุกวัน รัฐจะได้ไม่ต้องเสียเงินอุดหนุนชุดนักเรียน ถ้าจะมีจริงๆก็อุดหนุนชุดเดียวต่อเทอมให้เด็กเอาไว้ใส่เฉพาะงานสำคัญของโรงเรียน
- 5.จัดให้มีอาหารเช้าและกลางวันฟรีทุกวัน เอาแบบงบรายหัวเพียงพอจริงๆเช่นวันละ 100 บาทและปรับตามสภาพเศรษฐกิจ ไม่ใช่ให้แค่วันละ 20บาทต่อคน
แน่นอนครับทั้งหมดนี้แพงมาก ต้องขึ้นกับรัฐว่าจะอยากให้ประชาชนมีลูกมากแค่ไหน ถ้าต้องการให้ประชาชนมีลูกมากก็ต้องลงทุนเยอะ ถ้าคิดว่าสู้ราคาไม่ไหวก็ต้องยอมรับสภาพว่าอัตราการเจริญพันธุ์ของประชากรจะไม่ดีนักครับ
(ปล.มีผู้ที่แชร์ไปแสดงความเห็นเพิ่มเติมเรื่องการชดเชยรายได้ให้ผู้มีบุตรที่ประกอบอาชีพอิสระ ก็น่าสนใจครับ)