จุลพันธ์ รับ ดิจิทัลวอลเล็ต อาจไม่ทัน พ.ค.นี้ ยันเดินหน้าต่อ ตั้งวงถกความเห็น ‘กฤษฎีกา-ป.ป.ช.’ ป้องขัดกฎหมาย ซัดมีหน่วยงานตั้งธงขวาง วอนเห็นใจประชาชนที่เดือดร้อน ลั่นไม่ได้ดันทุรัง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ม.ค.2567 ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แถลงชี้แจงข้อสงสัยต่อกรณีโครงการเติมเงินผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทของรัฐบาลว่า คณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ได้เลื่อนการประชุมจริงเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีเอกสารข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

จึงเห็นว่าควรเลื่อนการประชุมก่อน เพื่อรอให้เอกสารของ ป.ป.ช.มาถึงพร้อมกันแล้วประชุม เพื่อกำหนดแนวดำเนินการต่อไป

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เอกสารของ ป.ป.ช. แสดงความเห็นค่อนข้างตรงและแรงพอสมควรในการคัดค้านการดำเนินนโยบาย รัฐบาลก็รับฟังและนำมาพิจารณาประกอบ ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเอกสารดังกล่าวเป็นทางการแล้วหรือไม่

ซึ่งมี น.ส.สุภา ปิยะจิต อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเป็นผู้ทำข้อเสนอแนะดังกล่าวมา โดย น.ส.สุภา เป็นผู้ติดตามนโยบายของรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาตลอดและในเวลานี้รัฐบาลก็รอความชัดเจนในเรื่องเอกสารของ ป.ป.ช.

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกความเห็น ตั้งแต่ข้อเสนอแนะในทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ไม่ได้ไฟเขียวหรือไฟแดง ไม่ได้ห้าม และไม่ได้สั่งการให้เดินหน้า เพราะไม่ใช่หน้าที่ มีแต่ความเห็นเรื่องกฎหมาย ซึ่งเรามีหน้าที่รับฟังและปฏิบัติตาม

แต่ความเห็นของ ป.ป.ช. ค่อนข้างชัดเจนว่า มีการวางธงให้โครงการนี้เดินหน้าไม่ได้ แม้นโยบายเงินดิจิทัลจะได้รับการรับรองจากประชาชนก่อนการเลือกตั้ง และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วก็ตาม ซึ่งบางกลุ่มองค์กร เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ป.ป.ช. มีความเห็นแตกต่าง ที่อาจยังมองไม่เห็นว่าประเทศตกอยู่ในวิกฤตตามที่รัฐบาลบอก

“วิกฤตนี้ไม่ใช่แค่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ หรือเรื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นวิกฤตการเห็นอกเห็นใจประชาชนที่มีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ คือทุนนิยมที่ไม่มีหัวใจจะไม่เข้าใจผู้ที่เดือดร้อน มันแสดงให้เห็นมาตลอดว่าล้มเหลว รัฐบาลชุดปัจจุบันเราเดินทางไปทั่วประเทศ เราเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เราไม่ได้ทำงานในห้องแอร์ วันนี้ประชาชนทั่วประเทศต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่” นายจุลพันธ์ กล่าว








Advertisement

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้มองเศรษฐศาสตร์ เป็นแค่หนังสือแบบเรียน แต่เรามองในมิติความเป็นจริง และในมิติชีวิตของประชาชนที่เดือดร้อนด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายหน่วยงานทั้งกฤษฎีกา และป.ป.ช. ขอให้ทบทวนโครงการนี้เพราะกลัวจะซ้ำรอยรับจำนำข้าว นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราก็รับฟังประเด็นนี้ ไม่ว่าประชาชนหรือหน่วยงานใดมีข้อคิดเห็น รัฐบาลก็มีหน้าที่รับฟัง เปิดรับความคิดเห็นหลากหลาย ตนไม่เคยพูดว่าทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน 100% แต่อยากให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน ว่าขณะนี้เศรษฐกิจไม่ได้ดีและต้องการกระตุ้น และสามารถเดินหน้าโครงการได้ เป็นวัตถุประสงค์ที่เราคาดหวัง

“ผมต้องเรียนว่าวันนี้ถ้าดูกรอบเวลาไม่น่าทันเดือนพ.ค. รัฐบาลยืนยันว่าต้องดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป ถึงแม้จะไม่ทันกรอบเวลาในเดือนพ.ค. เพราะเราต้องรอให้ป.ป.ช.ส่งหนังสือมาและต้องเชิญคณะกรรมการนโยบายมาประชุม เพื่อนำความเห็นของทั้งป.ป.ช.และกฤษฎีกามาพิจารณาในครั้งเดียวกัน และเริ่มกระบวการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม ในการทำความเข้าใจกับหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ที่ยังไม่เห็นถึงเจตนาดี ที่รัฐบาลพยายามทำ เราต้องสื่อสารจนทุกฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน และเดินหน้านโยบายนี้ให้ได้ในที่สุด” นายจุลพันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าหากเดินหน้าโครงการนี้ต่อ จะไม่หวั่นใช่หรือไม่หากเกิดคดีทางการเมืองตามมา นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราถึงต้องทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นอนุบาลทางการเมือง เราเห็นอยู่ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร สิ่งที่ทำคืออะไร เรามีหน้าที่ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน และแก้ปัญหาให้กับประชาชน

เมื่อถามว่าจะล้มเลิกการออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ สุดท้ายต้องรอให้คณะกรรมกาารได้พูดคุยและตัดสินใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร ดังนั้น ตนขอไม่ให้คำตอบในนาทีนี้ เมื่อถามย้ำว่าจะมีหนทางอื่นอีกหรือไม่นอกจากการออกเป็นพ.ร.ก.หรือพ.ร.บ.กู้เงิน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุย

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้เ มื่อดูจากอุปสรรคที่เห็น เรามองว่ากลไกที่จะผลักดันโครงการนี้ให้ทันเดือนพ.ค.นี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะพยายามให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม กระบวนการต่างๆ ทั้งการฟังความเห็น และการทำความเข้าใจต้องใช้เวลา ในส่วนกรอบเวลานั้น ยังไม่มี

เมื่อถามว่าหากโครงการนี้เดินหน้าต่อไม่ได้ จะมีแผนสำรองกระตุ้นเศรษฐกิจแบบอื่นหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ให้คำตอบว่าไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กลไกของภาครัฐมีเยอะ เรามีศักยภาพเพียงพอในการหาหนทางช่วยเหลือประชาชน ยังมีหนทางอีกจำนวนมาก ส่วนของโครงการนี้จะมีจุดจบหรือไม่นั้น ยังไม่ถึงจุดที่ตอบได้ แต่ยังไม่เห็นจุดนั้น และเราจะเดินหน้าต่อไป

เมื่อถามว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะถอยอีกหรือไม่ เช่น ลดวงเงินหรือลดกลุ่มเป้าหมายในการแจก นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ยืนยันว่าเป้าหมายในการแจกจะยังเป็น 50 ล้านคนเหมือนเดิม

เมื่อถามถึงฝ่ายการเมืองมองว่ารัฐบาลยังดันทุรัง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ดันทุรัง เพราะเรามองถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และการเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ ถ้าไม่ได้ลงพื้นที่สัมผัสประชาชนและมองไม่เห็นในจุดนี้ เราต้องชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาแข็งแกร่งให้เป็นไปตามศักยภาพของประเทศ ดังนั้น จะบอกว่าดันทุรังไม่ได้

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าโครงการนี้จะไม่ทันในปีงบประมาณ 67 นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดเวลา ต้องรอตามขั้นตอน เมื่อมีคำตอบที่ชัดเจนจากบางหน่วยงานแล้ว จะประชุมเพื่อหาแนวทางเมื่อนั้นเราจึงจะตอบได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน