เศรษฐา ประกาศลั่นประเทศไทยตื่นแล้ว ทำความฝันให้เป็นจริง ดันสุวรรณภูมิกลับมาเป็น 1 ใน 20 ของโลก ใน 5 ปี ขอเวลา 6 เดือนจะไม่เห็นภาพผู้โดยสารมาต่อคิว จี้การบินไทยเปลี่ยนระบบขายตั๋วเป็นออนไลน์ หลังพบเอเจนซี่กั๊กตั๋วเก็งกำไร
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 มี.ค.2567 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม รวมถึงผู้บริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และสายการบินต่างๆ เข้าร่วม
นายกฯ กล่าวว่า สัปดาห์ก่อนในการแถลงวิชั่นงาน Ignite Thailand ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางไว้ 8 ด้าน หนึ่งในนั้น คือ การทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ตนมีความเชื่อ รัฐบาลมีความเชื่อว่าศักยภาพของประเทศไทยพร้อมมากที่จะถูกระเบิดออกมา ฉายแววออกมาให้ชาวโลกรู้ว่าศักยภาพของเรามีมากขนาดไหน
ก่อนที่เราจะอัพเกรด AVIATION HUB เราต้องยอมรับว่าเรามีปัญหาอะไรบ้าง 10 ปีที่แล้วสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินอยู่ในอันดับ 13 ของโลก แต่ปัจจุบันอยู่อันดับ 68 ของโลก ตกมา 55 อันดับ เพื่อนบ้านเราไม่ได้ลงทุนอะไรเลยอย่างมาเลเซีย แต่อันดับสูงกว่าเรา ปัญหาในสนามบิน ถ้าเราไม่มีการปรับ วุ่นวายแน่นอนและจะเป็นปัญหาใหญ่
น่าเสียดายว่าเวลาเรามีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น มันบั่นทอนศักยภาพของประเทศ เรื่องของไฟลท์ที่มาต่อที่นี่ก็น้อยลง หากจัดตารางบินใหม่ เครื่องบินที่มาเปลี่ยนผ่านที่นี่ รู้หรือไม่ว่ามีแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สิงคโปร์มีถึง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องก็สามารถเห็นสิ่งดีๆ ของไทยได้ หากเข้ามาอยู่ 7-8 ชั่วโมง ได้เข้าไปในเมืองกลับมาเกิดความประทับใจก็อาจมีแพลนมาประเทศไทย แต่วันนี้ถ้าไม่มีการทำอะไร อย่าว่าจะขึ้นเลย 68 ก็ตกลงไปได้
นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับสุวรรณภูมิมีพื้นที่ 20,000 ไร่ รัฐบาลมีแผนจะขยายขีดความสามารถให้รองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573
เมื่อปลายปีที่แล้วก็เปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบิน SAT1 ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของรัฐบาลเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ที่วางโครงสร้างไว้ แต่ยอมรับว่ามีปัญหาอยู่บ้าง ทั้งนี้ จะเปิดให้ครบ 100% ภายในไตรมาส 2 ของปี 2567 รองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะทำให้เครื่องบิน บินขึ้นลงได้เป็น 90 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
อนาคตเตรียมจะสร้างอาคาร SAT2 วันนี้เรามีศักยภาพ เพียงแต่เราจะต้องฉายแสงออกมาให้ได้ และมั่นใจหลังจาก 6 เดือนนี้ต่อไป เราจะไม่เห็นผู้โดยสารที่รอคิวนาน สุวรรณภูมิไม่ใช่แค่เทคแคร์คนอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องของสินค้าด้วย เพราะเป็นสิ่งสำคัญ
นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมั่นใจเราจะทำให้ก้าวแรกของผู้โดยสารที่เดินทางเข้าสู่สุวรรณภูมิ และต่อโยงไปประเทศต่างๆ พร้อมทั้งสินค้า จะเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดอนเมืองก็เป็นอีกหนึ่งสนามบินที่สำคัญ รัฐบาลจะเปลี่ยนให้สนามบินดอนเมืองเป็น Point to Point แอร์พอร์ต
จุดเด่นคือ สะดวกรวดเร็ว ครบครัน รับผู้โดยสารให้มากยิ่งขึ้น จะสร้างอาคารอินเตอร์เนชั่นแนลใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารมากขึ้น ปัจจุบันรับผู้โดยสารอยู่ที่ 30 ล้านคน จะเพิ่มให้เป็น 50 ล้านคน และสร้างอาคารจอดรถเพิ่มให้สามารถจอดรถเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ประมาณ 7,600 คัน
ส่วนมาสเตอร์แพลนจะสร้างสนามบินอันดามัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ต พังงา กระบี่ และจังหวัดใกล้เคียง และจะพัฒนาสะพานสารสินเพื่อรองรับรถได้มากขึ้น และให้เรือขนาดใหญ่สามารถผ่านได้ ส่วนทางภาคเหนือก็มีสนามบินล้านนา เพื่อรองรับผู้โดยสารอีก 20 ล้านคนต่อปี
นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันจะยกระดับสนามบินเมืองรองทั่วประเทศ เช่น สนามบินน่าน ศรีสะเกษ นครราชสีมา ให้กลายเป็นสนามบินหลักให้ได้ ควบคู่กับพัฒนาครัวไทยสู่การเป็นครัวโลก ผ่านการผลิตอาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก
ระบบการทำงานภายในสนามบินก็สำคัญ จะมีการขยายอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงรักษาเป็นศูนย์กลางการบำรุงรักษา ทั้งเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินส่วนตัว ต่อยอดระบบขนส่งและคลังสินค้า รวมถึงการต่อยอดความร่วมมือทั้งจากสายการบินต่างๆ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงแรม เพื่อพัฒนาการบิน เส้นทางการบิน จำนวน และประเภทเครื่องบินส่วนตัวและการบริการ
“การเดินทางไปยุโรปครั้งนี้ ผมจะไปคุย โดยจะอธิบายให้ฟังทั้งหมดในเรื่องดีๆ ว่าประเทศไทยมีอะไรบ้าง แต่สัปดาห์หน้าที่เดินทางไปนี้เป็นแค่ออเดิร์ฟ ไปโฆษณาว่าปีหน้าเราจะมีอะไรบ้าง ซึ่งผมรับรองได้ว่าเขาจะต้องชอบและพอใจ และจะเดินทางมาไทยมากยิ่งขึ้น” นายกฯ กล่าว
สำหรับสายการบินไทยสายการบินแห่งชาติ เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน การพัฒนาต่อไปจะไปไม่ได้ถ้าสายการบินไทยไม่แข็งแรง ต้องมีการบริหารให้เหมาะสม ทั้งลักษณะเครื่องบิน จะต้องพัฒนาระบบตั๋วที่หลายประเทศใช้ระบบออนไลน์ วันนี้เราต้องพูดตรงไปตรงมาว่าการบินไทยมีตัวแทนขายตั๋วเยอะ เขามีการกั๊กตั๋ว แต่ขึ้นเครื่องไปบางทีว่าง อันนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากพูด แต่วันนี้ไม่ได้มาว่ากัน เราต้องพัฒนาให้ดีขึ้น
หลายสายการบินใช้ออนไลน์บุ๊คกิ้งบริหารราคาตั๋วเพื่อกำไร ตรงนี้เราต้องให้ความสำคัญ เข้าใจอย่างตรงจุด เรื่องเหล่านี้เราคาดหวังว่าการบินไทยต้องทำได้ และการจัดตารางไฟลท์ต้องมาพูดกัน เราทราบกันดีการบินไทยอยู่ระหว่างการฟื้นฟูหลังจากเกิดโควิด-19 ในวันนี้รักษาตัวเองให้ดี หากหลุดพ้นจากแผนฟื้นฟูแล้ว เรามาให้น้ำใจผู้โดยสารทุกคนที่ให้ความเชื่อมั่นเรา ทั้งนี้ เราต้องมีความทะเยอทะยานให้การบินไทยติดอันดับโลก อย่างน้อยต้องติดอันดับ 3 ของเอเชีย คนไทยต้องภาคภูมิใจ
นายกฯ กล่าวว่า การที่ตนแอบไปตรวจไม่ได้จ้องจับผิด เพื่อให้เห็นการทำงาน ไม่ได้ดูแค่หน้างานแต่ดูหลังบ้านด้วย และได้พูดคุยเรื่องการบริหารคนให้เขามีจิตใจที่ดีขึ้น ให้เขาเกิดความตั้งใจในการทำงาน ตนคิดว่าความสุขเป็นอะไรที่ส่งต่อกันได้ เริ่มต้นจากผู้ให้บริการถ้ามีความสุขเวลาส่งต่อการให้บริการผู้โดยสาร ก็จะส่งต่อความสุขนั้นได้
ความสุขเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง เป็นโรคติดต่อที่ดี หลายท่านอาจถามว่าอะไรคือประโยชน์ของศูนย์การบิน สิ่งที่พูดมาทั้งหมดคิดว่าคงจะเห็นในเรื่องเศรษฐกิจที่พยายามพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งวันนี้เราจะต้องเอาชนะให้ได้ หากเราโปรโมตการท่องเที่ยวอย่างมโหฬาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยากสนับสนุนให้การบินมีเพิ่มมากขึ้น
นายเศรษฐา กล่าวว่า หลายท่านที่มาเห็นการบริการที่ประทับใจก็จะเห็นออร์เดิร์ฟให้กับเขาว่าในปีหน้าอาจจะอยากมาเที่ยวที่ไทย แต่ทั้งนี้จะต้องมีการสร้างความยั่งยืนดึงดูดสายการบิน และส่งเสริมการผลิตในประเทศไทย สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ผมขอประกาศว่า 1 ปีจากนี้ สนามบินสุวรรณภูมิจะต้องเป็น 1 ใน 50 ของโลก และ 1 ใน 20 ของโลกภายใน 5 ปี พี่น้องที่อยู่ในฐานรากให้ความหวังเยอะมาก เรามีความฝันทุกวันอยากให้มันเป็นจริง อยากให้มันเกิดขึ้นมาได้ ขอประกาศวันนี้เราตื่นแล้ว ฝันดีแล้ว วันนี้ตื่นขึ้นมาร่วมกันให้ความฝันเป็นความจริง ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้จะมีส่วนร่วมทำให้เราถึงจุดมุ่งหมายนั้นได้ ขอขอบคุณและให้กำลังใจทุกคน เพื่อให้ศักยภาพที่สำคัญที่สุดคืออัพเกรด ศูนย์กลางทางการบินเป็นความจริง”นายกฯ กล่าว