“บิ๊กตู่”สายฟ้าแลบ บุกเยือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เผยเป็นนายกฯเดินทางไปที่ไหนก็ได้ และที่ต้องมาดูเพราะกำกับดูแล แม้จะให้บิ๊กป้อมดูแล แต่เป็นคนอนุมัติทุกอย่าง สั่งสอบถามความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจ 10 ด้าน ยันดูแลกำลังพลตำรวจอย่างดี แต่ต้องอยู่ในกรอบงบประมาณที่มี เพราะไม่ได้ให้ปลาอย่างเดียว แต่ให้เบ็ดไปตกปลาด้วย

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. คณะรองผบ.ตร. ผู้ช่วยผบ.ตร ต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรีตรวจแถวกองเกียรติยศตำรวจสันติบาล จากนั้นถวายสักการะหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก่อนประชุมติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจที่ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นครั้งแรกนับแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกว่า 2 ปี ที่เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุมว่า ขอมาเยือนถึงถิ่น เรียกว่าเข้าถ้ำเสือหรือเปล่าไม่รู้ แต่คงไม่ใช่เสือหรอก เพราะเสือมีเพียงตัวเดียวนั้นคือประชาชน ไม่มีใครเป็นเจ้านายประชาชน ทั้งตนและตำรวจก็ไม่ใช่นายของประชาชน แต่มีหน้าที่ดูแลรับใช้ประชาชน ตนไม่ต้องพูดอะไรมาก หรือพูดย้อนไป ที่ผ่านมาพอใจงานของตำรวจ พอใจผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อมาช่วยกันคิดช่วยกันทำว่าจะเดินหน้าพัฒนาอย่างไรเพื่อประเทศชาติของเรา เพื่อดูแลประชาชนและที่สำคัญเพื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของเราชาวไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมความคืบหน้าในการปฏิรูปตำรวจ จึงมีคณะทำงานขับเคลื่อน 10 ด้าน อาทิ ด้านการบริหาร งานบุคคลและเส้นทางการเติบโต ด้านการสอบสวนและบังคับใช้กฎหมาย ด้านค่าตอบแทนและสวัสดิ การเพื่อการดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี ด้าน ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น ด้านนิติวิทยา ศาสตร์ เป็นต้น โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังประชุมว่า ตนเดินทางมาที่ตร.ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นนายกรัฐมนตรี จะไปที่ไหนก็ได้ ตนกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้วจึงมาดู ติดตามเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ที่ผ่านมาแม้มอบหมาย พล.อ.ประวิตร ดูแล แต่ก็ไม่เคยทิ้ง ทุกอย่างก็หารือกันร่วมกันดูแล ทุกอย่างตนอนุมัติทั้งสิ้น วันนี้มาหารือเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งมีหลายส่วนร่วมกันคิดทั้ง สปท.และส่วนของตร.เอง วันนี้คุยกันหลายเรื่องทั้งการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ความเจริญก้าวหน้า การปรับย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การกำหนดมาตรฐานตำรวจต่างๆ เช่นหัวหน้าสถานีตำรวจควรมีคุณสมบัติอย่างไร กำหนดทุกอย่างให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังหารือเรื่องประเด็นความเป็นอยู่ รายได้ให้สามารถอยู่อย่างพอเพียง ด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี ค่าตอบแทน เงินเดือน เงินเพิ่มในภารกิจพิเศษ ที่ต้องดูในส่วนของพลเรือน และทหารประกอบกันด้วย ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มี ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย ตอนนี้คิดไว้ก่อน ถ้าเรามีเงินเพิ่มขึ้นเราก็เพิ่มให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องที่อยู่อาศัย อาวุธปืน วิทยุสื่อสารด้วย ทุกวันนี้ตำรวจหาเองหมด มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร คลังอาวุธมีไหม อันนี้ต้องดูแลกัน ต้องทำ รัฐบาลนี้ไม่หวังให้ตำรวจอ่อนแอลง เราไม่ต้องการ แต่ต้องการให้เข้มแข็งมากที่สุด เพราะหน้าที่ตำรวจคือการรักษาความสงบภายใน ทั้งนครบาล ภูธร ตำรวจตระเวนชายแดนก็ดูแลชายแดนร่วมกับทหาร ทั้งหมดเหล่านี้งานของตำรวจต้องชัดเจนขึ้น ฝากถึงสื่ออย่าตำหนิติเตียนกันมากนักเลย ปัญหาอะไรที่สื่อตำหนิ ต้องลด อย่าให้มีอีกอะไรที่ทุจริตผิดกฎหมายก็ต้องแก้ไปดูว่าเกิดจากอะไร ทำให้หายไปได้อย่างไร เรื่องงานสอบ สวนก็ต้องแก้ไข สร้างความเชื่อมั่น สร้างสมดุลระหว่างตำรวจ อัยการ ศาล รวมถึงการพัฒนาฝึกฝนตำรวจ ซึ่งเท่าที่ฟังในวันนี้ทุกอย่างเดินหน้าไปตามกรอบที่วางไว้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การพัฒนาตำรวจจะทำไปพร้อมกับยุทธศาสตร์ชาติ พิจารณาควบคู่ไปกับโลกภายนอก รับอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่มาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการรับมืออาชญากรรมข้ามชาติ ต้องพัฒนาไปควบคู่กัน พัฒนาระบบการตรวจคนเข้าเมือง ให้ทันสมัย จัดซื้ออุปกรณ์ตรวจจับใบหน้า ฟิงเกอร์ปรินต์ พยายามจัดหาให้ตำรวจ ตอนนี้เพิ่งอนุมัติซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจใหม่ จัดหางบฯให้แล้ว รถสายตรวจจะเก่าๆ โทรมๆ ไม่ได้ โดยต้องโปร่งใสในการจัดหาด้วย นอกจากนี้หารือการจัดหากล้องวงจรปิด สร้างแฟลตต่างๆ อนุมัติไปบ้างแล้ว โดยการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ มาใช้ในงานความมั่นคงของตำรวจนั้นเราคำนึงถึงความก้าวหน้าของโลก โดยจัดการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะงบประมาณมีจำกัด อันไหนไม่มีงบฯทำไม่ทันก็ส่งต่อให้รัฐบาลหน้าทำต่อ ทั้งนี้ตน รัฐบาลต้องดูแลทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะกลุ่ม จะตำรวจหรือชาวนา ดูแลแค่เฉพาะไม่ได้ ตนให้ปลาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้เบ็ดตกปลาด้วย การดูแลกันเป็นไปตามยุทธศาสตร์พระราชทาน เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ตนพยายามหาตัวช่วยให้ตำรวจ เพราะตำรวจทำงานหนัก ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง อารมณ์เสียก็ไม่ได้ นี่ผมก็บอกแล้วต้องใจเย็นๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส ที่ผมช่วยได้คือดูแลทุกข์สุขให้ตำรวจให้มากที่สุด จะได้ไม่อารมณ์เสีย เวลาไปทำงานไปเจอแรงกดดันข้างนอก สื่อมวลชนก็ต้องช่วยกัน อย่าไปกดดัน กดดันมากทำอะไรไม่ได้กันไปหมด ประชาชนก็เดือดร้อน เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้ กฎหมายบังคับไม่ได้ จะอยู่กันได้อย่างไร วันนี้ตำรวจต้องเข้มแข็งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ ตำรวจต้องเป็นตัวหลักให้บ้านเมืองสงบสุข ตั้งแต่ต้นทาง ต้นปัญหาทั้งหมด ที่ผ่านมามันทาบทับกันไปกันมาจนเกิดปัญหา ตนไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน