เปลือยทุกความรู้สึกของลูกคนที่ 6 ตระกูล “ชัยผาติกุล” ที่ถูกแฉปลอมแปลงแบรนด์ รวมถึงเรื่องร้าวในครอบครัวกับพี่น้องคนอื่น จนเป็นที่มาของศึกสายเลือดแย่งแบรนด์ ไผ่ทอง

จากกรณีที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก “ไผ่ทองไอสครีม” จดทะเบียนในนาม หจก.ไผ่ทองซีกิมเช็ง โพสต์ข้อความระบุ ข้อความว่า ระวัง “ไผ่ทอง” ของปลอม โดยยืนยันของแท้ต้อง ไม่มีสัญลักษณ์ต้นไผ่ และต้องสะกดด้วย ส.เสือ ไม่ใช่ ศ.ศาลา

วันนี้ “ข่าวสดออนไลน์” มาพูดคุยกับ บุญชัย ชัยผาติกุล อายุ 54 ปี ลูกคนที่ 6 ของตระกูล ที่ออกมาทำแบรนด์ “ไผ่ทองไอศครีม” เอง กับประเด็นที่เกิดขึ้นทั้งหมด

เกิดอะไรขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2538 เหตุใดคุณถึงออกจากบ้าน
บุญชัย : คุณแม่เข้ามายึดบ้านผม เข้ามายึดกิจการไอศกรีมผม โดยปกติถ้าเป็นคนอื่นยึดคงไม่ยอม เพราะมันเป็นกิจการผม ชื่อของผม แต่คุณแม่เข้ามา ผมทำอะไรไม่ได้ ผมจะไล่คุณแม่ออกจากบ้านได้ไหม ผมจะฟ้องแม่ได้ไหม ผมก็ไม่ทราบว่าผมทำอะไรผิด ผมไปกราบขอโทษเขา สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือการเมินเฉย เขายึดเงิน กุญแจโรงงาน ทุกสิ่งทุกอย่างไปจากผมโดยมีพี่สาวร่วมมือด้วย

พี่สาวคนนี้เป็นคนทำการเงินให้ผม ก็ร่วมมือกับคุณแม่ เอาทรัพย์สินทุกอย่างผมไป กดดันผม ซึ่งผมทนได้ แต่มากดดันภรรยาผมด้วย ผมเป็นสามีแต่ปกป้องภรรยาไม่ได้ นั่นคือสาเหตุที่ผมจำเป็นต้องออกจากบ้าน เพราะผมทำอะไรพวกเขาไมไ่ด้

ภาพตระกูล “ชัยผาติกุล”

เหมือนเราทราบมาว่า ตอนคุณพ่อแบ่งมรดก พี่ชายคนโตไม่ได้สนใจโรงงาน “ไผ่ทอง” ไม่ใช่หรือ ?
บุญชัย :
เขาไม่เอา เพราะว่างานมันหนัก โรงงานไอศกรีมเมื่อก่อนทำงาน ตี 4 ถึง เที่ยงคืน พี่ชายเลือกทรัพย์สินอื่น ครอบครัวเรามีพี่น้อง 8 คน (ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 6) โดยธรรมเนียมคนจีน เขาจะให้เฉพาะผู้ชาย ลูกคนอื่นจะไม่มีสิทธิ์อะไร อาจจะได้แค่เงินทอง

แต่คุณพ่อมีความยุติธรรม แทนที่เขาจะเอาสมบัติทั้งหมดให้พี่ชาย พ่อแบ่งเป็นสองกอง กองแรกที่ใหญ่เลยเป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น 2 คูหา ริมถนนพระราม 3 แยกถนนตก ราคาเมื่อ 40 ปีก่อนที่ซื้อมา 2 ล้านบาท พร้อมเงินทุนอีก 2 ล้าน เพื่อไปเปิดบริษัทฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์เครื่องมือไฟฟ้า อีกก้อนคือโรงงานไอศกรีมหมีบิน (ชื่อก่อนเปลี่ยนเป็นไผ่ทอง)

คุณพ่อเลยยกโรงงานไอศกรีมให้คุณแทน ?
บุญชัย :
ตอนนั้นผมอายุ 18 ย่าง 19 คุณพ่อมาถามผมว่าจะเอาโรงงานไอติมไหม ผมรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่มรดกที่ผมต้องได้ แต่ผมเล่นอยู่ในนั้นตั้งแต่เด็ก และผูกพันกับมันมา ผมก็เลยรับ

คุณบุญชัย กับรถส่งไอศกรีมคันแรกของโรงงาน ที่ซื้อมาในปี พ.ศ. 2536 ปัจจุบันยังอยู่กับ คุณบุญชัย

มีข่าวมาว่าคุณด่าแม่ จนความสัมพันธ์ขาดสะบั้น ?
บุญชัย : ช่วงนั้นผมทำธุรกิจเกี่ยวกับรถกับน้องคนที่ 7 โดยมีแม่มาหุ้นผ่านน้องคนนี้ด้วย จนบริษัทปิดตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจได้ 1 ปี ก็มีปัญหาเรื่องเงิน ทางแม่พาพี่สาวคนหนึ่ง ไปพังบ้านน้องสาวอีกคนที่เป็นร้านโชห่วย ทั้งที่น้องสาวยืนยันว่าจ่ายเงินแล้ว ผมไม่ได้พูดโดยที่ไม่มีหลักฐาน เรื่องนี้มีการขึ้นศาลและตัดสินไปแล้ว

พอมีเรื่องน้องสาวก็โทรมาหาผม ผมบอกน้องว่าอย่าใช้กำลังกลับ แต่ให้แจ้งความแทน ถ้าแจ้งความแล้ว ผมจะอยู่ฝั่งน้องสาว ซึ่งน้องเลือกแจ้งความ

“ผมไปที่โรงพัก พี่สาวก็ด่าน้องสาวฉอดๆๆๆ แม่ก็ฟังสบายใจ ผมเลยพูดคำหนึ่งว่า แม่เป็นแม่อย่างนี้ได้ไง เอาลูกคนหนึ่งไปพังบ้านลูกอีกคน ใช่…ผมด่าแม่ เพราะผมเหลืออดแล้ว พวกเขากำลังทำตัวเหมือนแก๊งเก็บเงินกู้นอกระบบเลยตอนนั้น”

หลังจากที่ถูกบีบออกมาจากบ้าน คุณมาทำ “ไผ่ทองไอศครีม” เลยหรือไม่ ?
บุญชัย : ไม่ๆ ตอนนั้นผมออกมาตั้งตัวใหม่ เงินทุนอะไรเรายังไม่สูงถึงขั้นซื้อเครื่องจักรผลิต ผมใช้วิธีรับ ไผ่ทองไอสครีม จากทางฝั่งแม่มาขายก่อน คือรับมานี่ไม่ใช่ราคาครอบครัวหรือพิเศษอะไรนะ ผมซื้อมาในราคาที่คนอื่นรับมาขายต่อเลย ทำไปสักพักพอเริ่มตั้งตัวได้ ผมก็กลับมาเปิดโรงงานไอศกรีมอีกครั้ง โดยใช้ชื่อ “ไผ่ทองไอศครีม” โดยที่โลโก้เป็นรูปต้นไผ่เหมือนเดิมกับที่ทำครั้งแรก

ทางพี่น้องฝั่งคุณแม่คุณบอกว่า เพิ่งมารู้ว่าคุณแอบมาทำแบรนด์ “ไผ่ทองไอศครีม” ขาย ?
บุญชัย : (หัวเราะ) คุณลองคิดดูสิ ผมสั่งไอศครีมเขาอยู่ประจำ มาวันหนึ่งผมไม่สั่งไอศกรีมเขา แต่ผมยังขายเหมือนเดิม คุณคิดว่าทางฝั่งโน้นเขาไม่รู้จริงเหรอว่าผมมาทำขายเอง

รูปร่างหน้าตาไผ่ทองหลังเข้าห้องแช่

ประเด็นหลักที่ทางฝั่งแม่ฟ้องคุณ นอกจากปลอมแปลงแบรนด์ มีเรื่องคุณภาพและรสชาติของ “ไผ่ทอง” ที่เขามองว่าทำให้เสียชื่อ ?
บุญชัย :
เรื่องแบรนด์ผมก็มีหลักฐานของผมชัดเจนนะ ก็ถ้าเขาอยากฟ้องก็ไปว่ากันในศาล แต่เรื่องคุณภาพเนี่ย ผมถามกลับหน่อยว่าเขาเอาอะไรมาวัด วันนี้ผมกล้าให้คุณ (ผู้สื่อข่าว) เข้าไปดูขั้นตอนการผลิต หรือเครื่องจักร กรรมวิธีการผลิตเราได้ทุกขั้นตอน ว่า สะอาด ปลอดภัย มีคุณภาพจริงๆ

“แต่ผมถามกลับนะ ฝั่งเขากล้าให้สื่อหรือใครดูไหม ว่าหน้าตาโรงงานเขาเป็นอย่างไร กล้าโชว์เหมือนผมไหม ? จะได้รู้ไปเลยว่าใครคุณภาพกว่า ส่วนเรื่องรสชาติผมอยากให้มีรายการเข้ามาจัดท้าดวลรสชาติไอติมเลย ผมกล้าวัดนะ ให้มีการส่งตัวแทนไปรับไอติมทั้งสองที่ แล้วมาดูชิมเลย ของใครอร่อยกว่ากัน”

คุณมั่นใจว่า “ไผ่ทองไอศครีม” ของคุณอร่อยกว่า “ไผ่ทองไอสครีม” ?
บุญชัย : นั่นเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคต้องตัดสินใจเอง ถ้าถามผม เพราะผมทำที่โรงงานมาตั้งแต่แรกไง ผมรู้ว่าพี่น้องทุกคนมีใครที่รู้เรื่องไอติม หรือทำไอติมเป็นบ้าง

กรรมวิธีกระบวนการผลิตไอติมของ บริษัทคุณบุญชัย

ทางฝั่งแม่แจ้งว่า คุณจะไปขายไอติมอะไรก็เรื่องของคุณ แต่สิ่งที่เขาต้องการคืนคือชื่อ “ไผ่ทอง” ที่ต้องมีแค่เจ้าเดียวเท่านั้น
บุญชัย : เรื่องชื่อแบรนด์ก็ต้องไปว่ากัน สู้กันในศาล เขามีสิทธิ์ฟ้อง ผมก็มีหลักฐานยืนยันในตัวแบรนด์ผมเช่นกัน ถ้าท้ายสุดแล้วศาลสั่งให้เปลี่ยน ผมก็คงต้องเปลี่ยน

มีคนเปรียบเรื่องราวตระกูล “ชัยผาติกุล” คล้ายละครดังอย่าง “เลือดข้นคนจาง” ซึ่งทางฝั่งแม่คุณบอกว่าไม่เหมือนในละคร เพราะเขาไม่ได้ต้องการมรดก แต่ต้องการแค่แบรนด์ “ไผ่ทอง”
บุญชัย : ผมก็ว่าไม่เหมือน เพราะผมถูกเขายึดไปหมดแล้วทุกอย่าง จนเหลือแค่บ้านผมกับ โรงงานไอติม เขายังเคยจะมาเอาจากผมอีก จนผมเคยบอกไปว่า “รอผมตายก่อน” ละกัน

ย้อนกลับไปคำถามแรก ถึงวันนี้คุณรู้แล้วหรือยัง ว่าทางฝั่งแม่เข้ามายึดกิจการเพราะอะไร ?
บุญชัย : ทราบแล้ว ผมมารู้ทีหลังว่าที่ผมโดนบีบผมออกจากบ้าน เพราะเขาต้องการเอาโรงงานไอติมไผ่ทอง กิจการที่ผมทำ ไปให้พี่ชายคนโตของผมเอง

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน